ใครไม่เป็นก็คงไม่เข้าใจ คิดว่าอาการปัสสาวะเล็ดเป็นได้เฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งมีบางส่วนที่เป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคได้ เช่น การตั้งครรภ์ การคลอดบุตร หรือปัญหาทางนารีเวช การดื่มน้ำน้อย และกลั้นปัสสาวะบ่อย ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงมักมีอาการนี้มากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า สาวๆ หลายคนอาจสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากน้อยเพียงใด และจะมีวิธีรักษาอย่างไร เอ็กซ์ต้าพร้อมตอบข้อสงสัยให้คุณค่ะ
สาเหตุของโรค
โดยทางการแพทย์สรุปสาเหตุว่าอาจเกิดความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากสมอง และระบบประสาท ที่ควบคุมการกลั้น และการขับปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวแรงเกินไป จนเกิดอาการปัสสาวะเล็ดตามมา
อาการที่บ่งบอกโรค
- ในช่วงกลางวันปัสสาวะเล็ด หรือราดบ่อยมากกว่า 7 ครั้งต่อวัน
- ปัสสาวะกลางดึกมากกว่า 1 ครั้ง
- ไม่มีไข้สูง เพราะไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
แนวทางในการรักษา
- ไม่ควรอายและพบแพทย์โดยด่วน ซึ่งแพทย์จะซักประวัติเพื่อประเมินความรุนแรงของโรค
- แพทย์จะให้ผู้ป่วยจดบันทึกเวลา และปริมาณของการรับประทานและดื่มของเหลว รวมถึงบันทึกการถ่ายปัสสาวะ เพื่อประเมินและทำการรักษาต่อไป
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มของเหลว เช่น งดชา กาแฟ และน้ำอัดลม ซึ่งเป็นสาเหตุกระตุ้นการปัสสาวะ และรับประทานผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบแทน
- หลีกเลี่ยงอาการท้องผูก เพราะต้องใช้แรงเบ่งในช่องท้อง อันเป็นผลเสียต่อการรักษา
- บริหารกล้ามเนื้อหูรูดให้แข็งแรง ด้วยการขมิบเหมือนกลั้นปัสสาวะ 5 วินาทีสลับกับพัก 10 วินาที ทำทั้งหมด 10 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และค่อยๆ เพิ่มจำนวนเป็น 15 ครั้ง 20 ครั้ง ในสัปดาห์ถัดไป
สาวๆ ทุกคนควรหมั่นบริหารกล้ามเนื้อหูรูดให้แข็งแรง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นโรคนี้ก็ตาม เพราะนอกจากจะห่างไกลจากการปัสสาวะเล็ดแล้ว ยังช่วยบริหารอุ้งเชิงกรานให้แข็งแรงได้อีกด้วย