รู้สึกปวดท้องเฉียบพลัน มียาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง

รู้สึกปวดท้องเฉียบพลัน มียาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง

ยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง? คำถามนี้เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยเมื่อเผชิญกับอาการปวดท้องที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเกิดจากอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเสีย หรือปัญหาอื่น ๆ การรู้จักเลือกใช้ ยาแก้ปวดท้อง ที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

บทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง เพื่อให้สามารถจัดการกับอาการปวดท้องเฉียบพลันได้อย่างถูกต้อง 

 

ทำความเข้าใจ อาการปวดท้อง และ อาการปวดเฉียบพลัน  

 

ทำความเข้าใจ อาการปวดท้อง และ อาการปวดเฉียบพลัน

 

อาการปวดท้องทั่วไปเป็นอย่างไร? 

อาการปวดท้องทั่วไปมักเกิดขึ้นช้า ๆ และค่อย ๆ รุนแรงขึ้น มีลักษณะปวดตื้อ ๆ หรือแสบร้อน อาจมีอาการร่วมอื่น เช่น แน่นท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ และเบื่ออาหาร อาการเหล่านี้มักสัมพันธ์กับการรับประทานอาหาร ความเครียด หรือการกิจกรรมบางอย่าง อาการมักดีขึ้นเมื่อพักผ่อนหรือรับประทานยาลดกรด ผู้ป่วยยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ แม้จะรู้สึกไม่สบาย อย่างไรก็ตาม หากอาการเป็นมานานกว่า 1-2 สัปดาห์โดยไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม 

 

อาการปวดท้องเฉียบพลันเป็นอย่างไร? 

อาการปวดท้องเฉียบพลันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง อาการเริ่มทันทีหรือภายในไม่กี่ชั่วโมง ผู้ป่วยสามารถระบุเวลาเริ่มต้นได้ชัดเจน ความเจ็บปวดอยู่ในระดับรุนแรงจนระดับอันตรายต่อชีวิต อาการปวดมีความเฉพาะ เช่น ปวดบีบเป็นระลอก (พบในลำไส้อุดตัน นิ่วในท่อน้ำดี หรือนิ่วในทางเดินปัสสาวะ) ปวดเสียดแทงเป็นจุด (พบในไส้ติ่งอักเสบหรือถุงน้ำดีอักเสบ) ปวดร้าวไปส่วนอื่น เช่น ร้าวไปไหล่ขวา (นิ่วในถุงน้ำดี) หรือร้าวไปหลัง (ตับอ่อนอักเสบ) และปวดแผ่กระจาย (พบในการอักเสบของเยื่อบุช่องท้องหรือ Peritonitis) 

อาการร่วมที่บ่งบอกความรุนแรงของอาการปวดท้องเฉียบพลัน ได้แก่ อาเจียนรุนแรงซ้ำ ๆ หรือมีอุจจาระร่วม ไข้สูงเกิน 38°C หรือบางกรณีอุณหภูมิต่ำผิดปกติ เหงื่อออกมาก ผิวเย็นชื้น หัวใจเต้นเร็ว และหายใจเร็ว ท้องแข็งเกร็ง และกดเจ็บมากเมื่อปล่อยมือ อาการไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น และรบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง หากพบอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด 

ในกรณีที่ปวดท้องแบบทั่วไป มีสาเหตุและวิธีการดูแลที่ต่างกัน ตามประเภทของอาการ เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งมีสาเหตุดังต่อไปนี้ 

 

สาเหตุของอาการปวดท้อง และยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง 

ก่อนที่จะเลือกใช้ ยาแก้ปวดท้อง ใด ๆ การทำความเข้าใจสาเหตุของอาการปวดท้องเป็นสิ่งสำคัญ โดยสาเหตุทั่วไปของอาการปวดท้อง มีดังนี้ 

  • อาหารไม่ย่อย 

เกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินไป หรือการทานอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้กระเพาะอาหาร และตับอ่อนผลิตน้ำย่อยไม่เพียงพอ ทำให้รู้สึกแน่นท้อง อึดอัด จุกเสียด มีอาการเรอบ่อย หรือมีรสเปรี้ยวในปาก มักพบหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่หรืออาหารที่มีไขมันสูง 

  • ท้องอืด แน่นท้อง 

มักเกิดจากการกลืนอากาศขณะรับประทานอาหารที่เร็วจนเกินไป หรือการย่อยอาหารที่สร้างแก๊ส เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี หัวหอม ทำให้ท้องบวมพอง รู้สึกตึงท้อง อึดอัด บางครั้งมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือลำไส้ มักดีขึ้นหลังจากผายลมหรือเรอ 

  • ท้องเสีย 

เป็นภาวะที่มีอาการถ่ายที่มีความถี่และความเหลวมากเกินปกติ โดยทั่วไปเกิดจากการติดเชื้อในลำไส้ เช่น ไวรัส, แบคทีเรีย หรือปรสิต อาการท้องเสียอาจมาพร้อมกับอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ต้องรีบไปห้องน้ำบ่อยครั้ง หากท้องเสียเป็นเวลานานหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสม 

  • กรดไหลย้อน 

กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร เกิดจากหูรูดที่กั้นระหว่างกระเพาะและหลอดอาหารทำงานไม่ดี มีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกหรือลิ้นปี่ รสเปรี้ยวในปาก รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ อาการมักแย่ลงหลังทานอาหาร นอนราบ หรือก้มตัว 

  • กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็ง 

เกิดจากความเครียด วิตกกังวล หรือการออกกำลังกายหักโหมเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องตึงและเกร็ง มีอาการปวดตื้อ ๆ ต่อเนื่อง บางครั้งเป็นตะคริว และอาจมีความรู้สึกไม่สบายตัวร่วมด้วย 

  • อาการปวดประจำเดือน 

ในผู้หญิง ฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ทำให้มดลูกบีบตัวเพื่อขับเยื่อบุโพรงมดลูกออกมา ทำให้เกิดอาการปวดบิด เกร็งท้องน้อย ปวดร้าวไปที่หลังหรือต้นขา บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือปวดศีรษะร่วมด้วย อาการมักเริ่มก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน 

  • โรคกระเพาะอาหารอักเสบ 

การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. Pylori) การใช้ยาแก้ปวด NSAIDs เป็นเวลานาน หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป มีอาการปวดแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ในกรณีรุนแรงอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร 

  • นิ่วในถุงน้ำดี 

ก้อนแข็งที่เกิดในถุงน้ำดี ประกอบด้วยคอเลสเตอรอลหรือแคลเซียม มักพบในผู้หญิง ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือผู้ที่มีภาวะอ้วน อาการปวดรุนแรงเฉียบพลันบริเวณใต้ชายโครงขวา อาจปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ขวา มักเกิดหลังรับประทานอาหารไขมันสูง บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือตัวเหลืองร่วมด้วย 

การระบุสาเหตุที่ถูกต้องจะช่วยคลายข้อสงสัยในเรื่องยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง ทำให้สามารถเลือกซื้อยาได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

 

ประเภทของยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้างเมื่อเกิดอาการปวดท้อง 

 

ประเภทของยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้างเมื่อเกิดอาการปวดท้อง

 

ยาแก้ปวดท้อง หรือยาแก้เจ็บท้อ มีหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อรักษาอาการปวดท้องที่มีสาเหตุแตกต่างกัน ดังนี้ 

  1. ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร (Antacids)

ยากลุ่มนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป โดยทำหน้าที่ลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหารและช่วยป้องกันการระคายเคือง ซึ่งอาการปวดท้องกระเพาะกินยาอะไร? 

ตัวอย่างยา 

  • อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminum Hydroxie) และแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium  Hydroxie 
  • แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) 
  • โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) 

เหมาะสำหรับ อาการอาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก 

ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้เป็นเวลานานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น ท้องเสีย (แมกนีเซียม) หรือท้องผูก (อะลูมิเนียม, แคลเซียม) และอาจมีปฏิกิริยากับยาอื่น ๆ ได้ 

 

  1. ยาลดการหลั่งกรด (Acid Suppressants) 

ยากลุ่มนี้ช่วยลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะอาหาร  

ตัวอย่างยา 

  • กลุ่ม H2-Blockers 
  • กลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) 

เหมาะสำหรับ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะ โรคกรดไหลย้อน อาการแสบร้อนกลางอกรุนแรง ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เช่น การใช้ PPIs ระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในทางเดินอาหาร เกิดภาวะขาดวิตามินบี12 และแคลเซียม และอาจเพิ่มความเสี่ยงกระดูกหักได้ 

 

  1. ยาแก้ท้องอืด แก๊สในกระเพาะและลำไส้ (Antiflatulents

ยากลุ่มนี้ช่วยลดแก๊สและอาการท้องอืดโดยการทำให้ฟองแก๊สในระบบทางเดินอาหารแตกตัว ช่วยให้ผายลมและเรอได้ง่ายขึ้น  

ตัวอย่างยา 

  • ไซเมทิโคน (Simethicone) 
  •  ชาร์โคล (Activated Charcoal) 

เหมาะสำหรับ อาการท้องอืด แน่นท้อง มีแก๊สมาก 

ข้อควรระวัง ชาร์โคลอาจดูดซับยาอื่นที่รับประทานร่วมกัน ควรรับประทานห่างจากยาอื่นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง  

 

  1. ยาระงับอาการปวดเกร็ง (Antispasmodics) 

ปวดท้องบิดเกร็งเป็นพัก ๆ กินยาอะไร ? ยาที่สามารถทานได้คือ ยาระงับอาการปวดเกร็งซึ่งในกลุ่มนี้ช่วยลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการปวดเกร็ง  

ตัวอย่างยา 

  • ไดไซโคลมีน (Dicyclomine) หรือไฮออสไซยามีน (Hyoscyamine) 
  • เมเบเวอรีน (Mebeverine) 

เหมาะสำหรับ กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) อาการปวดเกร็งในท้อง อาการปวดประจำเดือน  

ข้อควรระวัง อาจทำให้เกิดอาการปากแห้ง ตาพร่า ปัสสาวะลำบาก หรือท้องผูก  

 

  1. ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน (Antiemetics) 

ยากลุ่มนี้ช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่มักเกิดร่วมกับอาการปวดท้องในหลายกรณี  

ตัวอย่างยา 

  • โดมเพอริโดน (Domperidone) 
  • ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) 
  • ออนแดนเซตรอน (Ondansetron) สำหรับอาการคลื่นไส้รุนแรง จำเป็นต้องมีใบสั่งจ่ายยาจากแพทย์เท่านั้น 

เหมาะสำหรับ อาการคลื่นไส้ อาเจียนที่เกิดร่วมกับปวดท้อง  

ข้อควรระวัง อาจทำให้ง่วงซึม ปากแห้ง และมีปฏิกิริยากับยาอื่น  

 

  1. ยาแก้ท้องเสีย (Antidiarrheals) 

ยากลุ่มนี้ช่วยลดการเคลื่อนไหวของลำไส้และดูดซับน้ำในทางเดินอาหาร ทำให้อุจจาระแข็งขึ้น  

ตัวอย่างยา 

  • โลเพอราไมด์ (Loperamide) 
  • บิสมัทซับซาลิไซเลต (Bismuth Subsalicylate) 

เหมาะสำหรับอาการท้องเสียที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อรุนแรง  

ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้เมื่อมีไข้สูง หรืออุจจาระมีเลือดปน เพราะอาจทำให้เชื้อโรคถูกกักเก็บในลำไส้  

 

  1. ยาแก้ปวดทั่วไป (Analgesics) 

ยาบรรเทาอาการปวดทั่วไปอาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ในบางกรณี  

ตัวอย่างยา 

  • พาราเซตามอล (Paracetamol) 
  • ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อาจมีการระคายเคืองกระเพาะอาหาร  
  • ยาแก้ปวดผสม เช่น พาราเซตามอลผสมกับไฮโอสไซยามีน 

เหมาะสำหรับ อาการปวดทั่วไป รวมถึงปวดประจำเดือน  

ข้อควรระวัง ยากลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร และเพิ่มความเสี่ยงต่อแผลที่อยู่ภายในกระเพาะ ไม่ควรใช้หากมีประวัติโรคกระเพาะหรือแผลในกระเพาะ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา 

 

อาการปวดท้องแบบไหนที่ควรพบแพทย์  

แม้ ยาแก้ปวดท้อง หลายชนิดจะหาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ แต่ยังมีอาการปวดท้องบางลักษณะที่ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด   

  1. ปวดท้องรุนแรงที่เกิดขึ้นทันที

อาการปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันอาจเป็นสัญญาณของภาวะฉุกเฉิน เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ หรือถุงน้ำดีอักเสบ 

  1. ปวดท้องร่วมกับมีไข้สูง

อาการไข้ร่วมกับปวดท้องอาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อในช่องท้อง ซึ่งอาจต้องการการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ 

  1. ปวดท้องพร้อมกับอาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายดำ

อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงการมีเลือดออกในทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ 

  1. ปวดท้องที่ไม่บรรเทาลงหลังการใช้ยา 24-48 ชั่วโมง

หาก ยาแก้ปวดท้อง ที่ใช้ไม่ช่วยบรรเทาอาการภายใน 1-2 วัน อาจมีสาเหตุที่ซับซ้อนกว่าที่คิด 

  1. ปวดท้องร่วมกับมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง

อาการดีซ่านร่วมกับปวดท้องอาจบ่งชี้ถึงปัญหาของตับหรือทางเดินน้ำดี 

  1. ปวดท้องร่วมกับตั้งครรภ์

สตรีตั้งครรภ์ที่มีอาการปวดท้องรุนแรงควรพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ 

  1. ปวดท้องที่ทำให้ไม่สามารถกินหรือดื่มได้

หากปวดท้องจนไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ 

  1. ปวดท้องที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ

อาการปวดท้องที่เกิดขึ้นเป็นประจำโดยไม่มีสาเหตุชัดเจนควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด 

การพบแพทย์จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งในบางกรณีอาจต้องการรักษาเฉพาะทางนอกเหนือจากการใช้ ยาแก้ปวดท้อง ทั่วไป 

 

ยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง ในการใช้สิทธิบัตรทองรับยาบรรเทาอาการปวด

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดท้อง สามารถใช้สิทธิบัตรทองเพื่อรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วม “โครงการร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ” ได้ ซึ่งจะมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา และจ่ายยาที่จำเป็น เช่น ยาแก้ปวด ยาบรรเทาอาการท้องเสีย หรือยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น  

ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิบัตรทองสำหรับบรรเทาอาการจากการปวดท้อง สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาใกล้บ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) [เช็กรายชื่อร้านยาได้ที่นี่] โดยร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้เข้าร่วมโครงการสิทธิบัตรทอง พร้อมให้บริการ Delivery จัดส่งยาและสินค้าสุขภาพถึงบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee  

 

ใช้บริการ Delivery คลิกเลย!  

 

อาการปวดท้องแบบเฉียบพลันที่ไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดในการรักษา

 

อาการปวดท้องแบบเฉียบพลันที่ไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดในการรักษา

 

ภาวะปวดท้องเฉียบพลันบางประเภทที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วย ยาแก้ปวดท้อง เพียงอย่างเดียว เพราะหากใช้ยาแก้ปวดอาจทำให้อาการของโรคถูกบดบังหรือแย่ลงได้ การรักษาในกรณีเหล่านี้มักต้องใช้การผ่าตัดหรือการรักษาเฉพาะทางเพิ่มเติม ตัวอย่างภาวะเหล่านี้ ได้แก่ 

 

  1. ไส้ติ่งอักเสบ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเฉียบพลันบริเวณท้องน้อยขวา อาจเริ่มจากอาการปวดรอบสะดือและค่อย ๆ เคลื่อนมาขวาล่าง ร่วมกับมีไข้ คลื่นไส้ และอาเจียน ในกรณีไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน จะไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาแก้ปวดท้องทั่วไป จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก หากปล่อยไว้จนไส้ติ่งแตก อาจทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุช่องท้อง (Peritonitis) ซึ่งเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิต 

 

  1. นิ่วในถุงน้ำดี

นิ่วก้อนเล็ก ๆ ที่เกิดในถุงน้ำดีอาจทำให้เกิดอาการปวดเฉียบพลันบริเวณใต้ชายโครงขวา หรือปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ขวา โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง บางรายอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองร่วมด้วย ในกรณีที่นิ่วก่อให้เกิดการอักเสบของถุงน้ำดี การใช้ยาแก้ปวดอาจบรรเทาอาการปวดเพียงเล็กน้อย แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้ การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกจึงเป็นวิธีการรักษาหลักในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ 

 

  1. ลำไส้อุดตัน

การอุดตันภายในลำไส้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบิดเกลียวของลำไส้ การอุดตันจากพังผืด หรือก้อนเนื้องอก อาการปวดท้องจะมีลักษณะบีบเป็นระลอก อาจร่วมกับอาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน หรือไม่สามารถผายลมและถ่ายอุจจาระได้ ในกรณีลำไส้อุดตันรุนแรง การใช้ยาแก้ปวดอาจยิ่งทำให้วินิจฉัยได้ยากขึ้น จึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดและรักษาด้วยการใส่สายเพื่อระบายสิ่งที่อุดตัน หรือการผ่าตัดทันที 

  

  1. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน

ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันมักเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือมีนิ่วในถุงน้ำดีไปอุดตันทางเดินน้ำดีร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดรุนแรงบริเวณลิ้นปี่หรือชายโครงซ้าย อาจปวดร้าวไปหลัง มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย การรักษาต้องอาศัยการงดอาหารและน้ำทางปาก ตลอดจนการให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือด เพื่อให้ตับอ่อนได้พัก หากอาการรุนแรงอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน 

  

ภาวะเหล่านี้เป็นตัวอย่างของการปวดท้องเฉียบพลันที่ไม่ควรหายาแก้ปวดท้องมารับประทานเอง เนื่องจากอาจทำให้เสียเวลาในการรักษา และอาจทำให้อาการแย่ลง การวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน 

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง กับอาการปวดท้อง 

Q: หากปวดท้องกระเพาะ ไม่ควรกินยาแก้ปวดตัวไหน? 

A: ควรหลีกเลี่ยงยาที่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ เช่น แอสไพริน ไดโคลฟีแนค ไอบูโพรเฟน และไพร็อกซีแคม โดยเฉพาะตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้กระเพาะระคายเคืองรุนแรงขึ้น 

 

Q: อาการปวดท้องบริเวณต่าง ๆ บ่งบอกถึงโรคอะไรได้บ้าง? 

A: ปวดท้องบริเวณบนขวา อาจเกี่ยวข้องกับโรคตับหรือถุงน้ำดี  

ปวดท้องบริเวณบนซ้าย อาจเกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร ตับอ่อน หรือม้าม  

ปวดท้องบริเวณล่างขวา อาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ  

ปวดท้องบริเวณล่างซ้าย อาจเป็นโรคลำไส้อักเสบเฉพาะส่วน (Diverticulitis) 

 

Q: ยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้างกับอาการปวดท้องเฉียบพลัน? 

A: หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดด้วยตนเอง หากไม่ทราบสาเหตุชัดเจน เพราะอาจไปรบกวนอาการสำคัญ ส่งผลแพทย์ให้วินิจฉัยล่าช้า 

 

Q: หากมีอาการปวดเกร็งท้องเป็นระยะ ยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง? 

A: ยากลุ่ม Antispasmodics เช่น ไดไซโคลมีน หรือเมเบเวอรีน อาจช่วยลดการบีบตัวของลำไส้และบรรเทาอาการปวดเกร็งในบางราย 

 

สรุป 

อาการปวดท้องเฉียบพลันอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ภาวะทั่วไปที่สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ ยาแก้ปวดท้อง จนถึงภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการดูแลเฉพาะทาง การรู้จักระบุลักษณะการปวดและสาเหตุเบื้องต้นจะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่า ยาแก้ปวดท้องตัวไหนช่วยได้บ้าง อย่างปลอดภัย หากอาการยังไม่ดีขึ้นหรือมีลักษณะผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม ทั้งนี้การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา ควรใส่ใจการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดูแลสุขภาพทางกายและจิตใจให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดท้องซ้ำซ้อน 

  

ที่มา 

ยาแก้ปวด กินอย่างไรให้ปลอดภัย จาก RAMA CHANNEL
Acute Abdominal Pain บทความจาก Msdmanuals
Unraveling the Mystery: How to Differentiate Between Acute and Chronic Abdominal Pain จาก Curasia
Medicine for Stomach Pain (9 Meds to Treat a Stomach Ache) บทความจาก Tuasaude
Abdominal Pain จาก Clevelandclinic
Aches and Pains: Understanding the Different Types of Abdominal Discomfort บทความจาก Curasia 

 


อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่

LINE: @eXtaPlus (https://bit.ly/eXtaplus)

 

หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ

All Pharma See

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เอ็กซ์ต้าเห็นการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นๆ เอ็กซ์ต้ายังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้เอ็กซ์ต้าไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า ทั้งนี้หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก