“ร้อนในที่ลิ้น” เป็นปัญหาสุขภาพทางช่องปากที่หลายคนอาจมองข้าม แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมักสร้างความรำคาญและทำให้การรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำเป็นเรื่องที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
ในบทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จะมาเจาะลึกถึงสาเหตุ อาการ และวิธีรับมือกับปัญหา “ร้อนในที่ลิ้น” รวมถึงแนวทางการรักษาต่าง ๆ ที่สามารถทำได้เอง เพื่อให้สามารถกลับมารับประทานอาหารได้อย่างอร่อย และสบายใจอีกครั้ง
รู้จักกับอาการ “ร้อนในที่ลิ้น” (Tongue Ulcers)
“ร้อนในที่ลิ้น” หรือ “แผลร้อนในที่เกิดขึ้นบริเวณลิ้น” หมายถึงการเกิดแผลตื้น ๆ หรือจุดถลอกที่บริเวณเนื้อเยื่ออ่อนบนลิ้น โดยมีลักษณะเป็นตุ่มหรือวงสีขาว–เหลืองเล็ก ๆ อาจมีขอบสีแดงจากการอักเสบล้อมรอบแผล อาการนี้พบได้ทั้งที่ผิวบนของลิ้น ปลายลิ้น ไปจนถึงมีตุ่มแผลร้อนในใต้ลิ้น ในบางกรณี
- ลักษณะทั่วไปของร้อนในที่ลิ้น
-
- เป็นแผลตื้นหรือแผลถลอก
- ลักษณะแผลมีความกว้างตั้งแต่ขนาดมิลลิเมตรไปจนถึงเซนติเมตร
- ขอบแผลมักจะแดง อาจมีลักษณะบุ๋มหรือจางลงตรงกลาง
- มักทำให้การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเป็นไปอย่างไม่สะดวก โดยเฉพาะเมื่อกินของร้อน ทำให้เจ็บลิ้นมากขึ้น
แม้จะดูเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ร้อนในที่ลิ้น สามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ทั้งการกิน ดื่ม พูดคุย และการพักผ่อน หากอาการรุนแรงหรือเป็นซ้ำบ่อย ๆ ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีปัญหาสุขภาพอื่นซ่อนอยู่
สาเหตุหลักของการเกิด ร้อนในที่ลิ้น
อาการร้อนในที่ลิ้นเกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิต สาเหตุเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยทางกายภาพ และปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก
ร้อนในที่ลิ้น สาเหตุจากการบาดเจ็บ หรือกระทบกระเทือน
- การกัดลิ้นโดยไม่ตั้งใจระหว่างเคี้ยวอาหาร หรือพูดคุย เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยในการเกิดร้อนในที่ลิ้น
- การแปรงฟันแรงเกินไป หรือการใช้แปรงสีฟันขนแข็งมากจนเสียดสีกับลิ้นอาจทำให้เนื้อเยื่อในช่องปากระคายเคืองได้
- อุปกรณ์ในช่องปาก เช่น เครื่องมือจัดฟัน รีเทนเนอร์ หรือฟันปลอมที่ใส่ไม่พอดีสามารถก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อบริเวณลิ้นได้
- การกินของร้อนจัด เช่น ซุป กาแฟ หรือชาร้อนมาก อาจทำให้ลิ้นไหม้หรือได้รับบาดเจ็บ
ภาวะขาดสารอาหาร
การขาดวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดร้อนในที่ลิ้น วิตามินเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เมื่อร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้ อาจทำให้กระบวนการฟื้นฟูช้าลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดร้อนในมากขึ้น
ความเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอ
ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่หลั่งออกมาขณะเครียดสามารถกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถป้องกันการอักเสบร้อนในที่ลิ้น หรือการระคายเคืองในช่องปากได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ไม่สมบูรณ์
โรคหรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ
มีโรคบางชนิดที่ทำให้เกิดแผลร้อนในที่ลิ้น และในช่องปากได้ เช่น โรคประจำตัว เช่น โรคลำไส้อักเสบ (Crohn’s disease) โรคเซลิแอก (Celiac disease) หรือภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เอชไอวี หรือโรคลูปัส หากร้อนในที่ลิ้นเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
วิธีดูแล และรักษา ร้อนในที่ลิ้น
การใช้ยาทาภายนอก
เจลหรือครีมต้านอักเสบ และยาชาเฉพาะที่ มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวด แสบร้อน และลดอาการอักเสบของแผลได้ทันที
- ยาลดอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ ยาทาแผลร้อนในที่ลิ้นประเภทนี้ เช่น Choline Salicylate ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ และเจ็บปวดได้โดยไม่ใช้สเตอรอยด์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาที่มีสเตอรอยด์ได้ หรือในกรณีที่แผลไม่รุนแรง
- ยาทาร้อนในที่ลิ้นที่มีส่วนผสมของสเตอรอยด์ เช่น Triamcinolone Acetonide 0.1% มักใช้เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดในแผลที่มีการอักเสบรุนแรง
- ยาทาแก้ร้อนในที่ลิ้น แบบทาแผลในปากเฉพาะที่มีตัวยาลิโดเคน (Lidocaine) เพื่อช่วยชา ลดความเจ็บชั่วคราว
การใช้น้ำเกลือบ้วนปาก
การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือที่อุ่นช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และลดการอักเสบในช่องปาก เนื่องจากน้ำเกลือมีคุณสมบัติเป็นสารต้านเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดโอกาสติดเชื้อ
การปรับพฤติกรรมการกิน
หลีกเลี่ยงการกินของร้อนเจ็บลิ้น อาหารที่มีรสจัด อาหารทอด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่มีร้อนใน ควรเพิ่มการบริโภคผักผลไม้สด เช่น ฝรั่ง ส้ม และมะเขือเทศ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ
การใช้สมุนไพรและวิธีธรรมชาติ
สมุนไพรบางชนิด เช่น ขมิ้นชัน และน้ำผึ้ง มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยสมานแผล สามารถใช้เป็นวิธีเสริมเพื่อบรรเทาอาการได้
การปรึกษาแพทย์
หากร้อนในที่ลิ้นไม่หายภายใน 7-10 วัน หรือเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติม การรักษาด้วยยาเฉพาะ เช่น ยาสเตอรอยด์เฉพาะที่ หรือยาต้านการอักเสบ อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในบางกรณี
การใช้สิทธิบัตรทองในการรักษาแผลร้อนในที่ลิ้น
สำหรับผู้ที่มีอาการร้อนในที่ลิ้น หรือมีบาดแผลภายในช่องปาก สามารถใช้สิทธิบัตรทองเพื่อรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วม “โครงการร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ” ได้ ซึ่งจะมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา และจ่ายยาที่จำเป็นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิบัตรทองสำหรับรักษาแผลร้อนในที่ลิ้น สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาใกล้บ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) [ เช็กรายชื่อร้านยาได้ที่นี่ ] โดยร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้เข้าร่วมโครงการสิทธิบัตรทอง พร้อมให้บริการ Delivery จัดส่งยาและสินค้าสุขภาพถึงบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee
ใช้บริการ Delivery คลิกเลย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ร้อนในที่ลิ้น
Q: ร้อนในที่ลิ้น เกิดจากอะไร?
A: ร้อนในที่ลิ้นเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การขาดสารอาหาร ความเครียด หรือการระคายเคืองจากอาหารรสจัด การกินของร้อนเจ็บลิ้น หรือการระคายเคืองจากตุ่มร้อนในใต้ลิ้น อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
Q: ปลายลิ้นเป็นร้อนในควรทำอย่างไร?
A: ปลายลิ้นเป็นร้อนในควรใช้ยาแก้ร้อนในลิ้น เช่น เจลบรรเทาอาการ หรือยาทารักษาร้อนในที่ลิ้น ซึ่งช่วยลดอาการแสบและเร่งการฟื้นตัวได้ หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
Q: ยาแก้ร้อนในลิ้นที่ได้ผลดีมีอะไรบ้าง?
A: ยาแก้ร้อนในที่ลิ้นที่มีส่วนผสมของสารต้านการอักเสบ เช่น สเตอรอยด์ในปริมาณที่เหมาะสม หรือยาชาเฉพาะที่ เช่น ลิโดเคน (Lidocaine) สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ทันที ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
Q: ตุ่มร้อนในใต้ลิ้นเกิดจากอะไร?
A : ตุ่มร้อนในใต้ลิ้นอาจเกิดจากการระคายเคืองเนื้อเยื่อในช่องปาก เช่น จากอาหารร้อนจัด หรือการบาดเจ็บจากการกัดตัวเอง หากตุ่มไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
สรุป
อาการร้อนในที่ลิ้นอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก การดูแลสุขภาพช่องปาก การจัดการความเครียด และการเสริมสารอาหารเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและรักษาอาการนี้ หากอาการยังคงอยู่นานเกิน 7-10 วันหรือลุกลามหนักขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาเพิ่มเติม เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจตามมา
ที่มา
ร้อนใน แผลในช่องปากที่ควรระวัง จาก RAMA CHANNEL
What to know about tongue ulcers บทความจาก Medicalnewstoday
Canker sore on tongue: Symptoms, diagnosis, and remedies จาก Medicalnewstoday
อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง