รู้จัก ‘ยาทาแผลในปาก’ บรรเทาอาการแสบ แก้ร้อนใน มีกี่ประเภท

รู้จัก ‘ยาทาแผลในปาก’ บรรเทาอาการแสบ แก้ร้อนใน มีกี่ประเภท

ยาทาแผลในปาก เป็นตัวช่วยสำคัญในการบรรเทาอาการเจ็บปวด และเร่งการฟื้นฟูของแผลที่เกิดขึ้นในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นแผลร้อนใน แผลจากการบาดเจ็บ หรือแผลจากการติดเชื้อ ที่อาจสร้างความลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทานอาหาร หรือการพูดคุย ดังนั้น การใช้ยาทาแผลในปาก จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และลดอาการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

 

บทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จึงมีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับ ประเภทของ แผลในปาก สาเหตุการเกิด และวิธีการเลือกใช้ ยาทาแผลในปากแต่ละประเภทให้ตรงกับอาการ เพื่อการรักษาที่เหมาะสม 

 

แผลในปากคืออะไร? และมีกี่ประเภท? 

 

ประเภทของแผลในปากที่พบบ่อย

 

แผลในปาก เป็แผลที่เกิดขึ้นภายในช่องปาก ซึ่งมีลักษณะเป็นแผลกลม หรือลักษณะวงรี ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ มีสีขาวหรือเหลือง หรือรอบแผลจะมีสีแดง ขึ้นอยู่กับประเภทของแผล ซึ่งมักทำให้เกิดอาการเจ็บและระคายเคืองเมื่อสัมผัส โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ ดยแผลในปากจะมีสาเหตุ และวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การทำความรู้จักกับประเภทของแผลในปากจะช่วยให้เลือกใช้ ยาทาแผลในปาก ได้อย่างเหมาะสมที่สุด 

 

  1. แผลร้อนใน (Canker Sores หรือ Aphthous Ulcers)

แผลร้อนใน เป็นแผลในปากที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดมาก โดยมีลักษณะเป็นแผลตื้น ๆ ขอบแผลมีสีแดงและตรงกลางแผลเป็นสีขาว หรือเหลือง จะเกิดบนเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปาก เช่น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปากด้านใน หรือใต้ลิ้น แผลร้อนในมักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในคนบางกลุ่ม และสร้างความไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน 

  

สาเหตุ: ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มักเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บเล็ก ๆ ภายในช่องปาก ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ การขาดสารอาหารบางชนิด (เช่น วิตามินบี 12 หรือธาตุเหล็ก) ความเครียด และการแพ้อาหารบางชนิด 

 

การรักษา: การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากชนิดฆ่าเชื้อเป็นวิธีที่ช่วยลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก การใช้ ยาทา แผลในปาก ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (เช่น Triamcinolone Acetonide) สามารถช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด นอกจากนี้ ยาชาแบบทา เช่น Lidocaine ยังสามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดชั่วคราวได้ 

 

  1. แผลจากการบาดเจ็บในช่องปาก

แผลประเภทนี้เกิดจากการบาดเจ็บในช่องปาก มักมีลักษณะเป็นฝ้าขาวหรือแผลเปื่อยซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบ และเจ็บปวด 

  

สาเหตุ: การกัดกระพุ้งแก้ม การใช้ฟันปลอมที่ไม่พอดี ฟันแตก ฟันบิ่น หรือการทำทันตกรรมบางประเภทที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก 

 

การรักษา: การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และเร่งการฟื้นฟูของแผล นอกจากนี้ ยาทาแผลในปาก ที่มีส่วนผสมของยาชาเฉพาะที่ เช่น Lidocaine สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว หรืออาหารที่มีลักษณะกรอบแข็งก็สามารถช่วยลดความระคายเคืองในช่องปากได้ 

 

  1. แผลจากการสัมผัสสารเคมี

แผลในปากที่เกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูง แผลเหล่านี้มักมีลักษณะเป็นแผลเปิดหรือแผลเปื่อย สร้างอาการเจ็บปวด บวม และระคายเคืองในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ 

  

สาเหตุ: การสัมผัสกับสารเคมี เช่น การใช้แอลกอฮอล์หรือผลิตภัณฑ์บ้วนปากที่มีความเข้มข้นสูง การดื่มเครื่องดื่มที่มีกรดสูง หรือการบริโภคอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน 

 

การรักษา: หากแผลเกิดจากการสัมผัสสารเคมี ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นต้นเหตุทันที และล้างปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือเพื่อช่วยล้างสารเคมีออกจากปาก หากอาการยังคงอยู่ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ควรใช้ ยาทาแผลในปาก ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเพื่อช่วยบรรเทาอาการอักเสบ และเร่งการสมานแผล 

 

  1. แผลจากการติดเชื้อ

แผลในปากจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus) มักมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำที่จะแตกออกเป็นแผล และทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ 

  

สาเหตุ: การติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิดที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปาก 

 

การรักษา: การรักษาแผลจากการติดเชื้อไวรัสจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ยาทา แผลในปาก ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เนื่องจากอาจทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้น ควรใช้ยาต้านไวรัสตามที่แพทย์สั่งและรักษาสุขอนามัยช่องปากอย่างเคร่งครัด 

 

  1. แผลจากการใช้ยา

ยาบางชนิดสามารถทำให้เกิดแผลในปากได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด หรือยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ แผลที่เกิดจากการใช้ยามักจะมีลักษณะเป็นแผลเปื่อยกระจายทั่วบริเวณช่องปาก และอาจเกิดขึ้นซ้ำได้หากยังคงได้รับยานั้นต่อไป 

  

สาเหตุ: ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัด หรือยารักษาโรคข้ออักเสบ 

 

การรักษา: ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยาหรือวิธีการรักษา นอกจากนี้สามารถใช้ ยาทา แผลในปาก ที่มีส่วนผสมของยาชา หรือยาที่ช่วยลดการอักเสบเพื่อบรรเทาอาการ และเร่งการหายของแผล 

 

ชนิดและการเลือกใช้ ยาทาแผลในปาก 

 

ชนิดและการเลือกใช้ยาทาแผลในปาก

 

การเลือกใช้ ยาทาแผลในปาก ขึ้นอยู่กับประเภทของแผล และอาการที่เกิดขึ้น โดยยาทาแผลที่ปากมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ยาชนิดเพสต์ (Paste) เจล (Gel) ไปจนถึงยาที่มีส่วนผสมของสมุนไพร หากเลือกใช้ยาที่เหมาะสมจะช่วยให้การรักษาแผลในปากมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันว่า ยาทา แผลในปากมีชนิดใดบ้าง 

 

  1. ยาทาแผลในปาก แบบสเตียรอยด์

ยาทา แผลในปาก ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เช่น Triamcinolone Acetonide 0.1% มักใช้เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดในแผลที่มีการอักเสบรุนแรง ยาสเตียรอยด์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการรักษาแผลร้อนในหรือแผลจากการบาดเจ็บ 

  

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: Kenalog, Trinolone, Oracortia 

ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ยาสเตียรอยด์ในกรณีที่แผลเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย เนื่องจากอาจทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้น

 

  1. ยาชา

ยาชาทาแผลในปากเฉพาะที่ เช่น Lidocaine ช่วยระงับอาการปวดชั่วคราวในบริเวณแผล ยาทา แผลในปาก ชนิดนี้มักใช้ในกรณีที่แผลมีอาการปวดมาก เช่น แผลร้อนใน หรือแผลที่เกิดจากการบาดเจ็บ ยาชนิดนี้จะช่วยให้การรับประทานอาหาร และการพูดคุยเป็นไปอย่างสะดวกขึ้น 

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: Kamistad N 

ข้อควรระวัง: ยาชามีผลในการบรรเทาอาการปวดเพียงชั่วคราว ดังนั้น ควรใช้ร่วมกับยาที่ช่วยรักษาแผลในปากโดยตรง 

 

  1. ยาลดอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์

ยาทา แผลในปาก ประเภทนี้ เช่น Choline Salicylate ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ และเจ็บปวดได้โดยไม่ใช้สเตียรอยด์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาที่มีสเตียรอยด์ได้ หรือในกรณีที่แผลไม่รุนแรง 

  

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: Bongela 

ข้อควรระวัง: ยาลดอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อาจมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร 

 

  1. ยาที่มีสารสกัดจากสมุนไพร

ยาทา แผลในปาก บางชนิดที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เช่น สารสกัดจากดอกมะลิ ชะเอมเทศ ตรีผลา และฮอกวีด ใช้เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยาสังเคราะห์ ยาสมุนไพรเหมาะสำหรับแผลที่มีอาการอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง 

  

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: Himalaya HiOra-SG, Khaolaor Mouth Gel 

ข้อควรระวัง: ยาที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเหมาะสำหรับแผลที่ไม่รุนแรงเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับแผลที่มีการติดเชื้อหรืออาการเจ็บปวดรุนแรง 

 

ข้อแนะนำในการใช้ ยาทาแผลในปาก 

 

ข้อแนะนำในการใช้ยาทาแผลในปาก

 

การใช้ยาทาแผลในปาก อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด แผลในปาก นอกจากการเลือกใช้ยาที่เหมาะสมแล้ว การปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยเร่งการฟื้นฟูแผล และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ในระยะยาว

 

  1. ทา ยาทาแผลในปาก ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ควรทายาหลังการรับประทานอาหาร และก่อนนอน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ยาอยู่ในบริเวณแผลได้นานที่สุด และไม่มีการเสียดสีกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่อาจทำให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การทายาในช่วงก่อนนอนยังช่วยให้ตัวยามีเวลาออกฤทธิ์ได้ยาวนานตลอดคืน 

  

  1. ล้างปากให้สะอาดก่อนทายา

ก่อนที่จะใช้ ยาทา แผลในปาก ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือเพื่อทำความสะอาดแผล พร้อมกับเอาเศษอาหาร หรือสิ่งสกปรกออกให้หมด จะช่วยให้ยาเกาะติดกับแผลได้ดีขึ้น และลดการระคายเคืองตรงบริเวณแผล 

  

  1. ทายาบาง ๆ ให้ครอบคลุมบริเวณแผล

ควรทายาในปริมาณเล็กน้อย และกระจายให้ทั่วบริเวณแผล เพื่อให้ตัวยาสัมผัสกับแผลได้โดยตรง ในขณะเดียวกัน ไม่ควรทายาในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ยาเกาะไม่ติดแผล และเป็นผงร่วงหลุดออกมาได้ 

  

  1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำหลังทายา

หลังจากทายา ควรรอประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก่อนที่จะรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เต็มที่ หากรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเร็วเกินไป อาจทำให้ยาถูกล้างออก และไม่สามารถรักษาแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  

  1. ไม่ควรใช้ ยาทาแผลในปาก เกินความจำเป็น

การใช้ ยาทา แผลในปาก ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกินระยะเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งหากใช้ยานี้เป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้เยื่อบุช่องปากบางลง และทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ 

  

  1. หลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ในกรณีที่แผลเกิดจากการติดเชื้อ

หาก แผลในปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เนื่องจากอาจทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหายาที่เหมาะสมสำหรับการรักษา 

  

  1. ห้ามใช้ ยาทาแผลในปาก ร่วมกับยาชนิดอื่นโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์

ไม่ควรใช้ยาทา แผลในปากร่วมกับยาชนิดอื่นโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพราะการใช้ยาหลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือปฏิกิริยาระหว่างยาได้ 

  

  1. ปรึกษาแพทย์หากแผลหายช้ากว่าปกติ

หาก แผลในปาก ยังไม่หายหลังจากใช้ยาทาแผลในปาก เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หรือแผลมีลักษณะรุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติม 

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาทาแผลในปาก 

  1. ยาทาแผลในปาก มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?

ยาทาแผลในปากบางประเภท เช่น ยาที่มีส่วนผสมของสเตอรอยด์ อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือรอยแดงในบริเวณที่ทายา หากใช้เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เยื่อบุในช่องปากบางลง ดังนั้น ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 10-14 วัน 

 

  1. สามารถใช้ ยาทาแผลในปากในระยะยาวได้หรือไม่ ?

ไม่แนะนำให้ใช้ ยาทา แผลในปาก ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตอรอยด์ หากแผลไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เช่น โรคภูมิคุ้มกันหรือการติดเชื้อที่ต้องได้รับการรักษาเฉพาะทาง 

 

  1. ยาทาแผลในปาก เหมาะสำหรับเด็กหรือไม่ ?

ยาทาแผลในปากบางประเภทสามารถใช้ได้กับเด็ก แต่ควรเลือกใช้ยาที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงในเด็ก 

 

  1. แผลในปากกับแผลร้อนใน: แตกต่างกันอย่างไร ?

แผลในปาก เป็นคำที่ครอบคลุมแผลทุกชนิดภายในช่องปาก ส่วน แผลร้อนใน เป็นประเภทหนึ่งของแผลในปากที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งมักเกิดจากการขาดวิตามินหรือธาตุเหล็ก แต่แผลร้อนในไม่ใช่โรคติดต่อ ขณะที่ แผลเริม ซึ่งมักเกิดที่ริมฝีปากนั้นเป็นโรคติดต่อ 

 

สรุป 

การใช้ ยาทา แผลในปาก อย่างถูกวิธีจะช่วยให้แผลในปากหายเร็วขึ้นและบรรเทาอาการปวดอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการเลือกยาที่เหมาะสมกับอาการของแผลแล้ว การปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการที่ไม่หายภายในระยะเวลาที่ควร หรือเกิดผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันทีเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป 

 

ที่มา  

แผลในปาก…ปัญหากวนใจกับการเลือกใช้ “ยาป้ายปาก” จาก หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Mouth Ulcer บทความจาก Clevelandclinic
Mouth Sores: Symptoms, Treatment, and Prevention จาก Healthline  

 


อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่

LINE: @eXtaPlus (https://bit.ly/eXtaplus)

หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ

All Pharma See

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เอ็กซ์ต้าเห็นการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นๆ เอ็กซ์ต้ายังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้เอ็กซ์ต้าไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า ทั้งนี้หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก