ท้องเสียกินอะไรได้บ้าง? อาหารจากธรรมชาติที่ควรกิน และห้ามกินอะไร?

ท้องเสียกินอะไรได้บ้าง และอะไรที่ห้ามกิน

คำถามเรื่อง ท้องเสียกินไรได้บ้าง มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งเวลาที่เราต้องเผชิญอาการท้องเสีย เพื่อคำนึงถึงสิ่งต้องห้ามที่กินเข้าไปแล้วอาจส่งผลให้เกิดอาการที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น เราจึงควรรู้ และเข้าใจเบื้องต้น รวมถึงข้อมูลทั่วไปอย่างสาเหตุ ประเภท วิธีดูแลรักษาบรรเทา และอาการแบบไหนที่หากพบเจอแล้วควรได้รับการดูแลจากแพทย์โดยตรง   

 

ซึ่ง ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้รวบรวมข้อมูลสุขภาพดี ๆ เกี่ยวกับท้องเสียกินอะไรได้บ้างมาให้แล้วในบทความนี้ ใครที่อยากดูแลอาการให้ดีขึ้นตามลำดับ ลดความเสี่ยงเกิดปัญหาท้องเสียซ้ำ สามารถติดตามอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ดังต่อไปนี้ 

 

อาการท้องเสีย (Diarrhea) 

 

อาการที่เกิดขึ้นเมื่อท้องเสีย

 

อาการท้องเสียมักเริ่มต้นจากการถ่ายเหลว ถ่ายบ่อย (มากกว่า 3 ครั้งต่อวัน) ปวดท้องธรรมดา ไปจนถึงการปวดเกร็ง หรือปวดบิด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการท้องอืด มีลมในลำไส มีเสียงท้องร้องจากการบีบตัวของลำไส้ หากรุนแรงมากขึ้นมีโอกาสที่จะรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้ด้วย 

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดการท้องเสีย 

ทางด้านสาเหตุที่ทำให้เกิดการท้องเสียนั้นมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น 

 

  • ติดเชื้อไวรัส โนโรไวรัส (Norovirus) ต้นเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดการท้องเสียในผู้ใหญ่ ทั้งยังสามารถแพร่กระจายได้ง่าย ในสภาพแวดล้อมที่มีความหนาแน่นของผู้คน เช่น โรงพยาบาล ตลาดสด เป็นต้น 
  • ติดเชื้อแบคทีเรีย ซัลโมเนลลา (Salmonella) ที่ตรวจพบในอาหารที่ไม่สุก อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรือเหล่าเนื้อสัตว์ที่มักมีการปรุงสุกไม่เพียงพอ เช่น ไก่ เนื้อวัว และไข่ เป็นต้น 
  • แพ้อาหาร เช่น นม หรืออาหารที่มีส่วนผสมของสารก่อภูมิแพ้ มักจะเป็นโปรตีนจากธรรมชาติ เช่น กุ้ง ปู ปลา หอย เป็นต้น 
  • การกินอาหารที่มีรสจัดมากเกินไป เพราะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร จนเกิดเป็นอาการท้องเสียตามมา 
  • ยาบางตัวที่มีผลข้างเคียง ที่ทำให้เรากินยาแล้วถ่ายเหลว เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาระบายที่กินต่อเนื่อง จนเกิดเป็นอาการกินยาถ่ายแล้วท้องเสีย เป็นต้น 
  • การเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง 

 

กรณีที่เรารับรู้ถึงสาเหตุของการท้องเสียในเบื้องต้นแล้ว ต่อจากนี้เราจะสามารถเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงพื้นฐานได้ดีขึ้น แต่ถ้าหากเกิดท้องเสียขึ้นมา ต้องเตรียมตัวสังเกตอาการเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าตอนนี้มีอาการอยู่ในประเภทไหน หากอยู่ระดับที่สามารถรักษา หรือบรรเทาอาการได้เอง เราจะได้วางแผนดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ้องเสียกินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไรบ้าง และการเลือกกินยาแก้ท้องเสียอย่างเหมาะสม 

 

ประเภทของอาการท้องเสีย 

ประเภทของอาการท้องเสีย สามารถแบ่งแยกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ ท้องเสียเฉียบพลัน ท้องเสียต่อเนื่อง และท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งรายละเอียดของแต่ละอาการจะมีดังนี้ 

 

  1. ท้องเสียเฉียบพลัน (Acute Diarrhea)

ท้องเสียเฉียบพลัน มักเป็นในระยะสั้น ๆ ตามปกติแล้วจะหายภายในเวลาไม่กี่วัน มีต้นเหตุการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย จากน้ำ อาหารที่ไม่สะอาด สังเกตได้จากการกินแล้วถ่ายเหลว หลังจากมื้ออาหารที่มีความเสี่ยง  

 

  1. ท้องเสียต่อเนื่อง (Persistent Diarrhea)

ท้องเสียต่อเนื่อง ในระยะเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ถือเป็นความรุนแรงระดับกลาง มีสาเหตุมาจากการเริ่มต้นติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แล้วได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงการรับความเสี่ยงเพิ่มเติมช่วงที่ยังไม่หายดีจากการท้องเสียเฉียบพลัน และอาจมาจากโรคลำไส้อักเสบบางชนิดได้เช่นเดียวกัน 

 

  1. ท้องเสียเรื้อรัง (Chronic Diarrhea)

ท้องเสียเรื้อรัง อยู่ในระดับที่รุนแรงมากที่สุด เพราะเกิดขึ้นต่อเนื่องนานเกิน 4 สัปดาห์เป็นต้นไป ซึ่งต้องมีการตรวจสอบภาวะทางโภชนาการโดยละเอียด เพื่อหาความผิดปกติที่เกิดขึ้น และหากเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือลำไส้อักเสบ ก็นับเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ท้องเสียได้มาก 

 

ท้องเสียกินไรได้บ้าง 

ท้องเสียกินอะไรได้บ้าง? มีให้เลือกทั้งอาหารธรรมชาติที่เป็นผลไม้หรือสมุนไพร และอาหารอ่อนที่มีรสไม่จัด ย่อยง่าย ช่วยบรรเทาการท้องเสีย ได้แก่  

 

อาหารจากธรรมชาติ 

  • กล้วย ผลไม้ที่ย่อยง่าย กินแล้วอยู่ท้อง ทั้งยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียมที่สามารถบรรเทาอาการท้องเสียได้ดี และถ้าเลือกกล้วยน้ำว้าจะสารแทนนินช่วยแก้อาการท้องเสียได้ ถือเป็นของกินแก้ท้องเสียที่ดีทีเดียว 
  • มะตูม เป็นสมุนไพรไทยที่หากนำเอาผลดิบแห้งมาบดเป็นผง แล้วนำไปต้มดื่ม สามารถช่วยแก้ท้องเสียได้  
  • น้ำมะพร้าว เนื่องจากมีโพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามิน ซึ่งมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับเกลือแร่  ซึ่งช่วยเรื่องการทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่เสียไป  

 

อาหารที่เป็นตัวเลือกอื่น ๆ 

  • โจ๊ก ข้าวต้ม เมนูประเภทที่ย่อยได้ง่าย เพราะผ่านวิธีการปรุงที่ช่วยย่อยมาในระดับหนึ่งแล้ว จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยง ไม่ให้กระเพาะอาหารผู้ป่วยต้องทำงานหนัก 
  • ซุปใส มีรสชาติอ่อน ไม่จัดจ้าน นับเป็นอาหารประเภทเดียวกันกับโจ๊ก ข้าวต้ม ซึ่งย่อยได้ง่าย ไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร 
  • น้ำดื่มสะอาด หรือเกลือแร่ เพื่อเป็นการทดแทนให้กับของเหลวที่ร่างกายเสียไป  

 

อาหารที่ควรเลี่ยงเมื่อท้องเสีย 

ถัดจากข้อมูลท้องเสียกินอะไรได้บ้างแล้ว ต้องมาเช็กกันต่อในสิ่งที่ควรเลี่ยงเมื่อท้องเสีย เช่น 

 

  • อาหารที่ทำจากนม เช่น เนย ชีส และนมจืด เป็นสิ่งที่ย่อยได้ยาก เพราะมีน้ำตาลแล็กโทสเป็นส่วนประกอบหลัก 
  • ผลไม้ น้ำผลไม้ ห้ามกินเด็ดขาด เนื่องจากมีน้ำตาลฟรุกโตส จะส่งผลรุนแรงต่ออาการท้องเสีย 
  • อาหารที่มีกลูเตน เช่น ขนมปัง ซีเรียล และข้าวโอ๊ต เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ดูดซึมได้ยาก เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ท้องเสียหนักกว่าเก่า 
  • อาหารจำพวกที่มีไขมันสูง ร่างกายดูดซึมได้ยาก มีโอกาสกระตุ้นให้เกิดกระบวนการขับออก กลายเป็นท้องเสียมากขึ้น โดยเฉพาะของทอด และฟาสต์ฟูดทั้งหลาย 
  • อาหารรสจัด ที่ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารส่วนปลาย ต้องงดไปก่อน 
  • คาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ชา ช็อกโกแลต โซดา หรือน้ำอัดลม เพราะมีส่วนในการเร่งกระบวนการย่อยอาหาร และการขับถ่าย 

 

วิธีดูแลรักษาบรรเทาอาการท้องเสีย

 

กินยาแก้ท้องเสียเพื่อรักษาอาการ

 

ถึงตอนนี้เราอาจดูแลตัวเองได้ขึ้นด้วยการเลือกว่า ท้องเสียกินไรได้บ้าง กับสิ่งที่ห้าม แต่เพื่อการรักษา บรรเทาอาการท้องเสียอย่างครอบคลุม เราควรมียาสามัญที่ช่วยในเรื่องนี้โดยตรงติดบ้านเอาไว้ ได้แก่ ยาคาร์บอน ช่วยดูดซับสารพิษในทางเดินอาหาร ผงเกลือแร่ ช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำ และกลุ่มยาหยุดถ่าย ช่วยลดความถี่ หรือปริมาณในการถ่ายของผู้ป่วยท้องเสียได้  

 

ข้อควรระวัง การใช้ยาแก้ท้องเสียอย่างตัวยาคาร์บอน จะเข้าไปลดการดูดซึมของยาตัวอื่นที่ใช้อยู่ ดังนั้นหากเป็นผู้ที่มีการกินยารักษาโรคประจำตัว ต้องคำนวณเวลาในการกินยาคาร์บอนให้ดี เช่น หลังจากรับประทานยาประจำไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง ถึงจะสามารถทานยาคาร์บอนได้ 

 

อาการท้องเสียแบบไหนควรพบแพทย์

 

ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการท้องเสียเรื้อรั้ง

 

อาการท้องเสียที่ควรไปพบแพทย์ คือ มีอาการต่อเนื่องเกิน 2 วันโดยที่ไม่ทุเลาลง เริ่มเกิดภาวะขาดน้ำในร่างกาย มีอาการปวดท้อง บริเวณช่องท้องด้านล่าง หรือทวารหนักรุนแรง อุจจาระเป็นสีดำหรือมีเลือดปน และมีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส  

 

การใช้สิทธิบัตรทองในการรักษาอาการท้องเสีย

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย สามารถใช้สิทธิบัตรทองเพื่อรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วม “โครงการร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ” ได้ ซึ่งจะมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา และจ่ายยาที่จำเป็น เช่น ยาคาร์บอน หรือผงเกลือแร่โออาร์เอส เพื่อรักษาและบรรเทาอาการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 

 

ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิบัตรทองสำหรับรักษาอาการท้องเสียที่ร้านยา สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาใกล้บ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) [ เช็กรายชื่อร้านยาได้ที่นี่ ] โดยร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้เข้าร่วมโครงการสิทธิบัตรทอง พร้อมให้บริการ Delivery จัดส่งยาและสินค้าสุขภาพถึงบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee 

 

ใช้บริการ Delivery คลิกเลย!

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ท้องเสียกินไรได้บ้าง และห้ามกินอะไร

Q: กินอะไรถึงจะหายท้องเสีย?  

A: เมื่อเกิดอาการท้องเสียขึ้นมาแล้ว ต้องหยุดกินของที่เพิ่มความเสี่ยงให้กระเพาะอาหารระคายเคือง และควรดื่มน้ำสะอาด จิบเกลือแร่ พิจารณาเรื่องการใช้ยาคาร์บอน หรือยาแก้ท้องเสีย (Diosmectitie) ที่มีส่วนในการหยุดเชื้อแบคทีเรีย พร้อมกับกินอาหารที่ย่อยง่าย มีรสชาติอ่อน  

 

Q: ท้องเสียกินอะไรได้บ้างนอกจากโจ๊ก ข้าวต้ม 

A: นอกเหนือจากการกินโจ๊ก ข้าวต้มแล้ว สามารถเลือกเป็นอาหารที่มี โพรไบโอติก ได้ เช่น โยเกิร์ตสูตรไขมันต่ำ คีเฟอร์ (Kefir) ชาหมัก (Kombucha) และกิมจิ เนื่องจากในอาหารเหล่านี้ มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ ช่วยจัดการเชื้อแบคทีเรียไม่ดีที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ช่วยสร้างสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ จึงสามารถบรรเทาอาการท้องเสียได้เป็นอย่างดี 

 

Q: คนท้องเสียกินไข่ต้มได้ไหม? 

A: ได้ เพราะไข่ที่ต้มสุกแล้ว จะมีช่วยชะลอการเคลื่อนไหวของลำไส้ และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวจากอาการท้องเสียได้เร็วขึ้น แต่ถ้าหากต้องการกินไข่ต้มช่วงที่ท้องเสีย ต้องต้มให้สุก 100% จะดีที่สุด 

 

สรุป ท้องเสียกินไรได้บ้าง และห้ามกินอะไร

ท้องเสียกินอะไรได้บ้างต้องเริ่มจากการพิจารณาอาหารที่ย่อยง่าย มีรสอ่อน ไม่รสจัด หรือถ้าเป็นไปได้ก็ต้องเลือกอาหารที่มีส่วนบรรเทาอาการ และมีประโยชน์ต่อการรักษาอาการท้องเสียให้ดีขึ้น ดังเช่นตัวอย่างที่แนะนำไปในแต่ละหัวข้อ เมื่อหายจากอาการท้องเสียแล้ว ควรเลี่ยงสาเหตุที่อาจทำให้เป็นซ้ำ เพื่อป้องกันการต่อยอดไปสู่โรคท้องเสียเรื้อรัง และความเสี่ยงในการมีภาวะแทรกซ้อนได้ หากมีความกังวลใจเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่ สามารถขอคำปรึกษาจากเภสัชกรที่น่าเชื่อถือใกล้บ้าน หรือแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ตัวช่วยที่พร้อมให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพกับคุณ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

 

ที่มา 

ท้องเสียไม่ใช่เรื่องเล่น ! เจาะลึกสาเหตุ พร้อมเคล็ดลับวิธีแก้ท้องเสีย จาก รามา แชนแนล   

การใช้ยาแก้ท้องเสียให้ถูกวิธี จาก รามา แชนแนล

ท้องร่วง ท้องเสีย ดูแลตัวเองอย่างไร จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

มะตูมกับอาการท้องร่วง จาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 

สาเหตุของอาการท้องเสีย จาก Healthdirect 

 


อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่

LINE: @eXtaPlus (https://bit.ly/eXtaplus)

 

หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ

All Pharma See

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เอ็กซ์ต้าเห็นการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นๆ เอ็กซ์ต้ายังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้เอ็กซ์ต้าไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า ทั้งนี้หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก