กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ หนึ่งในอาการหลักของการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ พบได้บ่อยในคนไทย กลุ่มนักศึกษา และวัยทำงานโดยเฉพาะเพศหญิง เนื่องจากพฤติกรรมและสรีระที่รูปทวารอยู่ใกล้ท่อปัสสาวะ และท่อปัสสาวะที่สั้นทำให้แบคทีเรียจากทวารหนักไหลย้อนกลับเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะก่อให้เกิดการติดเชื้อขึ้น
นอกจากนี้การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ จนทำให้เกิด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ยังมาจากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้
- การกลั้นปัสสาวะ
- การทำความสะอาดหลังขับถ่ายไม่ถูกต้อง
- การใส่ผ้าอนามัยแบบสอด หรือท่อช่วยปัสสาวะ
- การใช้ห่วงอนามัย
- การมีเพศสัมพันธ์
- การตั้งครรภ์
- การดื่มน้ำน้อย
- โรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน
- การรบกวนสมดุลของแบคทีเรียที่ช่องคลอดและท่อปัสสาวะ เช่นเมื่ออยู่ในภาวะหมดประจำเดือน การใช้สารเคมี หรือสบู่สวนล้างช่องคลอด รวมถึงการใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยากดภูมิคุ้มกัน รังสี ยาเคมีบำบัด
อาการแสดง ของโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ อาการใดบ้าง?
- มีอาการแสบขัดเมื่อปัสสาวะ
- ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
- ปัสสาวะมีสีเข้ม สีขุ่น หรือมีกลิ่นที่ผิดปกติจากเดิม
- ปวดบิดเกร็งบริเวณท้องน้อย
- รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว
การรักษาโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
มักจะใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ร่วมกับการใช้ยาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ปวดบิดเกร็งท้อง จึงไม่สามารถรักษาเองได้ เพียงแต่สามารถบรรเทาอาการได้เท่านั้น ดังนั้น ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำการรักษาอย่างรวดเร็วที่สุด ป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ
การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเกิดโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ วิธีใดบ้าง ?
- ดื่มน้ำเปล่าวันละอย่างน้อย 5 ลิตร เพราะทำให้ระบบขับถ่ายเป็นไปตามปกติ
- หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ ฝึกสุขลักษณะนิสัยที่ดีในการขับถ่าย
- การทำความสะอาดหลังขับถ่าย ควรเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากรูทวารปนเปื้อนที่ท่อปัสสาวะ
- ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างสม่ำเสมอ แต่หลีกเลี่ยงการล้างโดยสบู่ และใช้สารเคมีบริเวณจุดซ่อนเร้น เนื่องจากจะรบกวนสมดุลแบคทีเรียบริเวณท่อปัสสาวะ ทำให้แบคทีเรียก่อโรคออกฤทธิ์ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อขับเชื้อแบคทีเรียก่อโรคออกจากร่างกาย
- รักษาร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงความเครียด
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ถึงแม้จะเป็นโรคที่เกิดได้บ่อย แต่การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ก็สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายอื่น ๆ
ทั้งนี้ ถ้าหากมีอาการของโรค เช่น ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือปวดบิดเกร็งช่องท้อง ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเอ็กซ์ต้า พลัส ใกล้บ้าน เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่ทันท่วงที
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพและการใช้ยาสามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ
- NHS inform. 13 February 2023
- รศ.นท.ดร. สมพล เพิ่มพงศ์โกศล. เอกสารประกอบการสอนการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง