ผดร้อนขึ้นหน้า เมื่อผิวปะทะความร้อน! 5 วิธีดูแลง่าย ๆ

ผดร้อนขึ้นหน้า เมื่อผิวปะทะความร้อน! 5 วิธีดูแลง่าย ๆ

สภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยทำให้ “ผดร้อนขึ้นหน้า” ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่พบบ่อย โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน มักเกิดจากเหงื่อที่ไม่สามารถระเหยออกจากผิว จนเกิดการอักเสบของรูขุมขน กลายเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ คัน และระคายเคือง เป็นผื่นผดร้อนบริเวณใบหน้า 

บทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจถึงอาการผดร้อนขึ้นหน้า เมื่อผิวปะทะความร้อน พร้อม 5 วิธีดูแลง่าย ๆ มาฝากกัน 

 

ลักษณะของ ผดร้อนขึ้นหน้า 

ผดร้อน หรือ Miliaria มีหลายประเภทตามระดับความลึกของการอุดตันของต่อมเหงื่อ โดยทั่วไปมักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มักพบบริเวณหน้าผาก แก้ม คาง หรือบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก ผดร้อนขึ้นหน้าสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้ 

  

  • Miliaria Crystallina เป็นตุ่มใสคล้ายหยดน้ำขนาด 1-2 มิลลิเมตร ไม่มีการอักเสบ เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อที่ชั้นผิวหนังส่วนบนสุด พบได้บ่อยในทารกแรกเกิดและผู้ใหญ่ที่มีไข้สูง 
  • Miliaria Rubra เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ขนาด 2-4 มิลลิเมตร มีอาการคันมาก บางครั้งอาจมีน้ำใส ๆ ภายในตุ่ม เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อในชั้นผิวหนังระดับกลาง 
  • Miliaria Profunda พบได้น้อยและมักเกิดในผู้ใหญ่เพศชาย ลักษณะเป็นตุ่มนูนสีเนื้อขนาด 1-3 มิลลิเมตร ไม่มีอาการ เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อในชั้นผิวหนังลึก มักเกิดหลังจากมีอาการของ Miliaria Rubra ซ้ำหลายครั้ง 

  

ทั้งนี้ผดร้อนที่พบขึ้นบริเวณใบหน้ามักเป็นประเภท Miliaria Rubra ซึ่งมักมีอาการคัน และรู้สึกแสบร้อน ตุ่มเหล่านี้มักเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม และมีขนาดเล็กมาก แตกต่างจากสิวที่มักมีขนาดใหญ่กว่าและมีหัวสีขาวหรือสีดำ 

 

ความแตกต่างระหว่าง ผดร้อนขึ้นหน้า กับปัญหาผิวอื่น ๆ 

ผดร้อนขึ้นหน้ามีลักษณะที่แตกต่างจากปัญหาผิวอื่น ๆ ซึ่งทำให้หลายคนอาจสับสนระหว่างผดร้อนกับสิว เนื่องจากทั้งสองอาการมีลักษณะคล้ายกัน แต่ผดร้อนมักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่ร่างกายเผชิญกับความร้อนสูงและมักจะหายไปเมื่ออุณหภูมิลดลงหรือได้รับการรักษาที่เหมาะสม ในขณะที่สิวมักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มีลักษณะเป็นหัวสิวสีขาวหรือสีดำ และใช้เวลาในการรักษานานกว่า 

 

ผดร้อนต่างจากผื่นร้อนอย่างไร 

ผดร้อนและผื่นร้อนแม้จะมีชื่อคล้ายกันแต่มีความแตกต่างกัน ผดร้อนขึ้นหน้า (Heat Rash หรือ Miliaria) เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อและรูขุมขน มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงเล็ก ๆ ขนาด 1-3 มิลลิเมตร และมักพบเฉพาะบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น ใบหน้า คอ และบริเวณที่มีการเสียดสี 

ในขณะที่ผื่นร้อน (Heat Urticaria) เป็นภาวะลมพิษที่เกิดจากการแพ้ความร้อน มีลักษณะเป็นผื่นแดงขนาดใหญ่ แบนราบ หรือนูนเล็กน้อย กระจายเป็นบริเวณกว้าง และมักเกิดขึ้นทันทีเมื่อผิวสัมผัสกับความร้อน แต่จะหายไปเร็วเมื่อเข้าที่เย็น นอกจากนี้ ผื่นร้อนอาจเกิดร่วมกับอาการแพ้อื่น ๆ เช่น หายใจลำบาก หรือหน้าบวม ซึ่งต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว 

 

สาเหตุของผดร้อนขึ้นหน้า 

 

สาเหตุของผดร้อนขึ้นหน้า

 

ผดขึ้นหน้าเกิดจากหลายปัจจัย โดยสาเหตุหลักมาจากการที่ร่างกายต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายพยายามปรับตัวด้วยการขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ เมื่อเหงื่อไม่สามารถระบายออกได้ดี จะเกิดการอุดตันที่รูขุมขนและนำไปสู่การอักเสบ 

 

อุณหภูมิและความชื้นสูงเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด ผดร้อนขึ้นหน้า 

ในสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น ร่างกายต้องขับเหงื่อออกมามากเพื่อระบายความร้อน แต่ความชื้นในอากาศทำให้เหงื่อระเหยได้ยากขึ้น ส่งผลให้เหงื่อค้างอยู่บนผิวนานเกินไป โดยเฉพาะในบริเวณใบหน้าที่มีต่อมเหงื่อและต่อมไขมันจำนวนมาก ยิ่งถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากเกินไป จะยิ่งทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการระคายเคืองผิวได้ง่าย ในผู้ใหญ่ที่ย้ายไปอยู่ในเขตร้อนชื้น อาการอาจเริ่มปรากฏภายในไม่กี่วัน แต่มักจะถึงจุดรุนแรงที่สุดหลังจากอยู่ได้หลายเดือน 

 

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง 

จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผดร้อนสามารถพบได้ถึง 30% ในผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเขตร้อน นอกจากอุณหภูมิและความชื้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยง ได้แก่ 

  

  • ต่อมเหงื่อที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ในทารกแรกเกิด (พบได้ถึง 9% ในทารก) 
  • การมีไข้สูงเป็นเวลานาน 
  • การออกกำลังกายอย่างหนักโดยไม่ได้ทำความสะอาดผิวหน้าทันที 
  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีความมันสูงหรือมีส่วนผสมของน้ำมัน 
  • การสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดีหรือเสื้อผ้าสังเคราะห์ที่ไม่ซึมซับเหงื่อ 
  • การนอนบนที่นอนหรือผ้าปูที่นอนกันน้ำ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่นอนติดเตียง 
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดที่ทำให้เหงื่อออกมาก 
  • ผู้ที่เคยได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา 
  • โรคผิวหนังบางชนิด เช่น Stevens-Johnson Syndrome 

 

อาการของ ผดร้อนขึ้นหน้า 

อาการที่พบได้บ่อยของผดร้อนขึ้นหน้าคือความรู้สึกคัน แสบร้อน และอาจมีอาการระคายเคือง ความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน  

 

อาการทั่วไปของ ผดร้อนขึ้นหน้า 

  • ตุ่มแดงเล็ก ๆ ขึ้นบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะที่หน้าผาก แก้ม และคาง 
  • อาการคันหรือแสบร้อนบริเวณที่มีผดร้อน 
  • ความรู้สึกระคายเคืองเมื่อเหงื่อออก 
  • ผิวบริเวณที่เป็นผดร้อนอาจมีความไวต่อการสัมผัสมากกว่าปกติ 
  • อาการมักแย่ลงเมื่ออยู่ในที่ร้อนหรือออกกำลังกาย 

 

อาการที่ควรระวังและเมื่อไหร่ควรพบแพทย์ 

หากมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรพบแพทย์โดยเร็ว

  • มีไข้สูง 
  • มีหนองหรือของเหลวสีเหลืองไหลออกมาจากตุ่ม 
  • บริเวณที่เป็นผดร้อนมีอาการบวม แดง และร้อนมากขึ้น 
  • มีอาการปวดหรือเจ็บรุนแรง 
  • ผดร้อนไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลด้วยตนเองเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ 

 

5 วิธีดูแลและรักษาผดร้อนขึ้นหน้า 

 

5 วิธีดูแลและรักษาผดร้อนขึ้นหน้า

 

  1. ลดความร้อน และความชื้นที่ผิวหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ

การลดอุณหภูมิที่ผิวหน้าเป็นวิธีแรกที่ควรทำเมื่อเกิดผดร้อนขึ้นหน้า สามารถทำได้โดยการประคบเย็นด้วยผ้าชุบน้ำเย็น (ไม่ใช้น้ำแข็ง เพราะอาจระคายเคืองผิวมากขึ้น) ประมาณ 10-15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง นอกจากนี้ การใช้น้ำแร่สเปรย์ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีในการลดความร้อนที่ผิวหน้า หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนชื้นเป็นเวลานาน และพยายามอยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศดี หรือมีเครื่องปรับอากาศเพื่อควบคุมความชื้น 

 

  1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับผดร้อนที่ขึ้นบริเวณหน้า

ในช่วงที่มีปัญหาผดร้อนขึ้นหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอมที่อาจระคายเคืองผิว ควรใช้โฟมล้างหน้าที่มีค่า pH ที่สมดุลกับผิว หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือซีรัมที่มีความหนาและมีส่วนผสมของน้ำมัน  

 

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับการรักษา ได้แก่ 

  • โลชั่นคาลาไมน์ ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการคัน และดูดซับความชื้นส่วนเกิน 
  • เจลว่านหางจระเข้ ช่วยลดการอักเสบและให้ความชุ่มชื้นโดยไม่อุดตันรูขุมขน 
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก แอซิดความเข้มข้นต่ำ ช่วยลดการอักเสบและลดการอุดตันของรูขุมขน 
  • ครีมสเตอรอยด์ชนิดอ่อนที่จำหน่ายโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ สามารถช่วยบรรเทาอาการในกรณีที่มีอาการอักเสบมาก แต่ควรใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น โดยจำเป็นต้องซื้อผ่านเภสัชกรในร้านขายยาที่น่าเชื่อถือ และได้มาตรฐานเท่านั้น 
  • ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ ในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง

 

  1. ปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันการเกิดผดร้อนขึ้นหน้าซ้ำ

นอกจากการรักษาแล้ว การปรับพฤติกรรมบางอย่างยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดผดร้อนขึ้นหน้าได้ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ทำความสะอาดผิวหน้าทันทีหลังเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก และดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

  1. รับประทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบของผดร้อนขึ้นหน้า

อาหารที่รับประทานมีผลต่อสุขภาพผิวเป็นอย่างมาก การเลือกรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบสามารถช่วยลดอาการผดร้อนขึ้นหน้าได้ โดยแนะนำให้รับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี พริกหวาน ซึ่งช่วยเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง อาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น ปลาทะเลน้ำลึก เมล็ดเชีย วอลนัต ที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารทอด และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือ แอลกอฮอล์ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดผดร้อนได้มากขึ้น 

 

  1. ใช้สมุนไพรไทยบรรเทาอาการผดร้อนขึ้นหน้า

สมุนไพรไทยหลายชนิดมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการผดร้อนขึ้นหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

  • ว่านหางจระเข้เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการอักเสบและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว สามารถนำเนื้อว่านหางจระเข้สดมาทาบริเวณที่เป็นผดร้อนและทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น  
  • ขมิ้นชันผสมน้ำผึ้งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เนื่องจากขมิ้นชันมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ในขณะที่น้ำผึ้งช่วยให้ความชุ่มชื้นและมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ 

 

การใช้สิทธิบัตรทองในการรักษาอาการแพ้ และมีผดผื่นคัน 

สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้อากาศร้อนจนเกิดผื่นผิวหนัง สามารถใช้สิทธิบัตรทองเพื่อรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วม “โครงการร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ” ได้ ซึ่งจะมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา และจ่ายยาที่จำเป็น เช่น ยาทาแก้ผดผื่นคัน เพื่อบรรเทาอาการแพ้ต่าง ๆ ให้หายดีขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 

ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิบัตรทองสำหรับรักษาอาการคันที่ร้านยา สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาใกล้บ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) [เช็กรายชื่อร้านยาได้ที่นี่] โดยร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้เข้าร่วมโครงการสิทธิบัตรทอง พร้อมให้บริการ Delivery จัดส่งยาและสินค้าสุขภาพถึงบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee 

 

ใช้บริการ Delivery คลิกเลย!

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผดร้อนขึ้นหน้า 

Q: ผดร้อนขึ้นหน้าหายเองได้ไหม? 

A: สามารถหายเองได้ภายใน 3-7 วัน หากได้รับการดูแลที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น การลดการสัมผัสกับความร้อนและความชื้น การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านการอักเสบจะช่วยให้อาการดีขึ้นเร็วยิ่งขึ้น 

 

Q: ยาทาคาลาไมน์ช่วยรักษา ผดร้อนขึ้นหน้า ได้จริงไหม? 

A: ยาทาคาลาไมน์ช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและอาการคัน คาลาไมน์ยังช่วยดูดซับความชื้นส่วนเกินบนผิวหน้า ลดการระคายเคือง และให้ความรู้สึกเย็นบนผิว ควรทาบาง ๆ บริเวณที่เป็นผดร้อน 2-3 ครั้งต่อวัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น 

 

Q: เมื่อไหร่ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการ ผดร้อนขึ้นหน้า? 

A: หากไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากการดูแลด้วยตนเอง หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีไข้ ปวดบริเวณที่เป็นผดร้อน มีหนองหรือของเหลวสีเหลืองไหลออกมา หรือมีรอยแดงที่ขยายวงกว้างขึ้น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ  

 

Q: ผดร้อนขึ้นหน้ามีโอกาสเข้าใจสับสนกับโรคผิวหนังอื่น ๆ ไหม? 

A: อาจมีลักษณะคล้ายกับโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น โรคผิวหนังที่อาจสับสน ได้แก่ เริม (Herpes Simplex), การติดเชื้อรา, หูด, สิว, ผื่นแพ้ยาชนิดรุนแรง และโรคโกรเวอร์ (Grover Disease) การสังเกตลักษณะตุ่ม ตำแหน่งที่เกิด และปัจจัยกระตุ้นจะช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคได้ หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง 

 

สรุป ผดร้อนขึ้นหน้า เมื่อผิวปะทะความร้อน 

“ผดร้อนขึ้นหน้า” เป็นรูปแบบหนึ่งของผดร้อน (Miliaria) ซึ่งมักเกิดจากความร้อนและความชื้นจนทำให้ท่อเหงื่ออุดตัน โดยมีหลายชนิด เช่น Miliaria Crystallina, Miliaria Rubra, และ Miliaria Profunda ที่แตกต่างกันตามระดับความลึกของการอุดตัน อาการทั่วไปคือการเกิดตุ่มใสหรือแดง คันหรือแสบบริเวณผิวหน้าและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การป้องกันและดูแลที่สำคัญคือ ลดความร้อนและความชื้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม ล้างหน้าด้วยความนุ่มนวล และพักผ่อนเพียงพอ หากอาการรุนแรงหรือติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรโดยตรง 

 

ที่มา 

Miliaria จาก National Library of Medicine 

Miliaria บทความจาก Dermnetnz 

แนะใช้ยา-สมุนไพรไทยแก้ปัญหาโรคฮิตหน้าร้อน จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 


อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่

LINE: @eXtaPlus (https://bit.ly/eXtaplus)

 

หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ

All Pharma See

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เอ็กซ์ต้าเห็นการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นๆ เอ็กซ์ต้ายังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้เอ็กซ์ต้าไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า ทั้งนี้หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก