การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโต รวมถึงการดูแลกระดูกและฟัน อีกทั้งยังช่วยเรื่องการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ หัวใจ และระบบประสาท โดยทั่วไปหลายคนมักนึกถึงนมวัวเป็นแหล่งแคลเซียมหลัก แต่ความเป็นจริงยังมี 15 อาหารแคลเซียมสูง ที่เป็นกลุ่มอาหารหลากหลายชนิด (รวมถึงแหล่งที่ไม่ใช่นมวัว) ให้เลือกบริโภค เพื่อเสริมสร้างสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงได้เช่นกัน
ซึ่งในบทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้สรุปข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องความสำคัญของแคลเซียมที่มีต่อร่างกาย และ 15 อาหารแคลเซียมสูง ที่จะช่วยเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการทานอาหารที่มีแคลเซียมได้ง่ายในหลาย ๆ มื้ออาหาร
ทำไมแคลเซียมถึงสำคัญกับร่างกาย
เหตุผลที่ทำให้แคลเซียมเป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อร่างกาย คือ แคลเซียมมีส่วนช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ในความเป็นจริงแล้วแคลเซียมยังมีบทบาทในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้
- การเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน: แคลเซียมเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างกระดูกและเคลือบฟัน ช่วยป้องกันกระดูกเปราะและลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนเมื่ออายุมากขึ้น
- การทำงานของกล้ามเนื้อ: เวลาที่กล้ามเนื้อหดตัวและคลายตัว ต่างต้องใช้แคลเซียมเป็นสื่อกระตุ้น
- ระบบประสาทและการส่งสัญญาณ: เพราะแคลเซียมช่วยในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท ปรับสมดุลการหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น อินซูลิน และพาราไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นต้น
- การแข็งตัวของเลือด: แคลเซียมสามารถกระตุ้นกระบวนการแข็งตัวของเลือดได้ จึงสำคัญต่อการห้ามเลือดเมื่อเกิดบาดแผล
หากร่างกายขาดแคลเซียม จะดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ก่อน ส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกบาง กระดูกพรุน หรือแตกหักได้ง่ายขึ้นในอนาคต ดังนั้นคนแต่ละช่วงวัยจึงควรได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ เพื่อเป็นอาหารบำรุงกระดูกให้แข็งแรง
15 อาหารแคลเซียมสูง นอกเหนือจากนมวัว
นอกจากนมวัวแล้ว ยังมีแหล่งอาหารอื่น ๆ ที่ให้แคลเซียมปริมาณสูงเช่นเดียวกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แล็กโทส ทานมังสวิรัติ หรืออยากลดปริมาณการดื่มนม สามารถเลือกจากรายการ 15 อาหารแคลเซียมสูง ดังต่อไปนี้
-
เมล็ดพืชหลากชนิด (Seeds)
เมล็ดพืชหลายชนิดที่เจอได้ง่ายในชีวิตประจำวัน เช่น งาดำ งาขาว เมล็ดเจีย เมล็ดป๊อปปี้ และเมล็ดเซเลอรี (Celery Seed) ในบางเมล็ดพืชมีปริมาณแคลเซียมกับแร่ธาตุที่น่าสนใจ ดังนี้
- เมล็ดเจีย: มีโอเมก้า-3 และแคลเซียมสูง
- งาดำ/งาขาว: 1 ช้อนโต๊ะ อาจมีแคลเซียมราว 7-10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
-
เต้าหู้ (Tofu)
เต้าหู้ที่ผลิตจากถั่วเหลือง บางยี่ห้ออาจเสริมแคลเซียมเพิ่มในขั้นตอนการผลิต ทำให้มีแคลเซียมสูงมาก
ข้อมูลอ้างอิง: งานวิจัยแสดงว่าเต้าหู้ที่ผ่านการผลิตด้วย “Calcium salt” สามารถให้แคลเซียมมากกว่า 60% ของปริมาณที่ต้องการต่อวันในปริมาณครึ่งถ้วย
-
ผักใบเขียว (Leafy Greens)
ผักใบเขียว ไม่ว่าจะเป็นคะน้า คอลลาร์ดกรีน (Collard Greens) บรอกโคลี และบ๊อกชอย (Bok Choy) ต่างมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณสูง ยกตัวอย่างเช่น
- คอลลาร์ดกรีน: 1 ถ้วยปรุงสุกอาจมีแคลเซียมสูงประมาณ 268 มก. (21% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
- บรอกโคลี: มีแคลเซียมในปริมาณที่ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับผักอื่น ๆ แต่อาจไม่สูงเท่าคอลลาร์ดกรีน นอกจากนี้ยังอุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ
-
ถั่วขาวและถั่วเลนทิล (Beans and Lentils)
ถั่วขาวเป็นอีกหนึ่งถั่วที่มีแคลเซียมสูง รวมถึงถั่วเลนทิลและถั่วชนิดอื่น ๆ ก็มักมีแร่ธาตุ ไฟเบอร์ และโปรตีนสูงเช่นกัน
- ถั่วขาว: 1 ถ้วยปรุงสุกอาจให้แคลเซียม 12% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ถั่วเลนทิล: มีธาตุเหล็กและโฟเลตสูง เหมาะสำหรับเสริมสร้างเม็ดเลือดและภูมิคุ้มกัน
-
ปลาเล็กปลาน้อยและปลาที่กินได้ทั้งกระดูก (Canned Salmon & Sardines)
กลุ่มปลาเล็กปลาน้อยหรือปลาที่กินได้ทั้งกระดูก เช่น ซาร์ดีนหรือแซลมอนกระป๋องที่สามารถกินกระดูกได้ นับเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมในปริมาณสูง
- ปลาซาร์ดีนกระป๋อง (ประมาณ 92 กรัม): ให้แคลเซียมได้ประมาณ 27% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ปลาแซลมอนกระป๋อง (ประมาณ 85 กรัม): ให้แคลเซียมประมาณ 19% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
-
อัลมอนด์ (Almonds)
ถั่วอัลมอนด์เป็นหนึ่งในถั่วยอดนิยมที่มีปริมาณแคลเซียมสูง รวมถึงมีใยอาหาร ไขมันดี และโปรตีนอัดแน่น เรียกได้ว่ามากประโยชน์เลยทีเดียว
- อัลมอนด์ 1 ออนซ์ (28 กรัม): หรือราว 23 เม็ด สามารถให้แคลเซียมได้ประมาณ 6% ของปริมาณแนะนำต่อวัน
-
ผลไม้ตระกูลมะเดื่อ (Figs)
มะเดื่อฝรั่งหรือมะเดื่อแห้งเป็นผลไม้แคลเซียมสูงกว่าผลไม้อื่น ๆ จากปริมาณ 1.4 ออนซ์ (40 กรัม) ของผลไม้ชนิดนี้สามารถให้แคลเซียมได้ประมาณ 5% ของปริมาณที่ต้องการต่อวัน และยังมีไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
-
นมพืชเสริมแคลเซียม (Fortified Plant–Based Milks)
สำหรับคนที่แพ้หรือไม่ดื่มนมวัว ยังสามารถเลือกดื่มนมจากพืชหลากชนิด เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือนมข้าวโอ๊ตที่ผ่านการเสริมแคลเซียมได้
- นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม: 1 ถ้วย (237 มล.) อาจมีแคลเซียมถึง 20-30% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
-
อาหารเสริมแคลเซียมในซีเรียลหรืออาหารเช้าต่าง ๆ (Fortified Cereals)
กรณีที่ไม่สะดวกทานมื้อหลักแบบครบถ้วน ยังสามารถเลือกทานซีเรียลหรือขนมปังบางประเภทที่ผ่านการเสริมแคลเซียมอาจช่วยให้ได้รับแคลเซียมเพิ่มเติม เพื่อให้เรามีโอกาสได้กินอาหารแคลเซียมทุกวันโดยที่ไม่พลาดมื้อไหนไป
-
เคล (Kale)
เคลได้รับสมญานามว่า “ราชินีผักใบเขียว” เนื่องจากอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามินเค วิตามินซี ธาตุเหล็ก และแคลเซียม ปริมาณออกซาเลตไม่สูงเท่าผักโขม ทำให้แคลเซียมดูดซึมได้ดีกว่านั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับออกซาเลต (Oxalate) คือ สารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม และแร่ธาตุหลายชนิดในกระแสเลือด เป็นสารประกอบที่มีอยู่ในอาหารจากพืชหลายชนิด รวมถึงผักโขม หรือผักใบชาร์ด ด้วยเหตุนี้ “เคล” จึงถูกแนะนำเป็นหนึ่งในกลุ่ม 15 อาหารแคลเซียมสูงที่พิจารณารับประทานได้ในมื้ออาหารที่สำคัญ
-
รูบาร์บ (Rhubarb)
รูบาร์บสมุนไพรยืนต้นที่มีก้านสีแดงยาว มีใบสีเขียว ให้รสชาติเปรี้ยว ซึ่งอุดมด้วยวิตามินเค แคลเซียม และใยอาหาร ถึงแม้มีสารออกซาเลตสูงจึงลดการดูดซึมแคลเซียม แต่ยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในเมนูของหวาน แยม หรืออาหารประเภทยำที่อาจช่วยเสริมรสชาติให้ได้ในหลายเมนู
-
ควินัว (Quinoa) และอมาแรนธ์ (Quinoa & Amaranth)
ควินัวร์และอมาแรนธ์เป็นธัญพืชเทียม (Pseudocereal) สายสุขภาพ โดยทั้ง 2 ชนิดนี้มีแคลเซียมและโปรตีนสูงในระดับที่ดี นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์สูงด้วย สำหรับอมาแรนธ์ (Amaranth) 1 ถ้วยปรุงสุกให้แคลเซียมประมาณ 9% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
-
โยเกิร์ต (Yogurt)
แม้จะยังเป็นผลิตภัณฑ์จากนม แต่โยเกิร์ตถือเป็นอาหารที่ย่อยง่ายกว่าและอุดมด้วยโปรไบโอติก มีงานวิจัยระบุว่าโยเกิร์ตช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพหัวใจในระยะยาวได้ ทำให้เป็นหนึ่งในกลุ่ม 15 อาหารแคลเซียมสูงที่มีประโยชน์รอบด้าน
-
ชีส (Cheese)
ในกลุ่มชีสจะมี 1 ชนิดที่ให้แคลเซียมสูง คือ พาร์เมซาน (Parmesan) ซึ่งอัตราส่วนระหว่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่เหมาะสม ทำให้ดูดซึมแคลเซียมได้ดี ทั้งยังมีแล็กโทสต่ำกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ทำจากนม ทำให้สามารถย่อยได้ง่ายกว่า แต่ควรบริโภคในปริมาณพอดี เพราะอาจมีไขมันอิ่มตัวและโซเดียมสูง
-
นมแพะ (Goat’s Milk)
ตัวเลือกเพิ่มเติมนอกเหนือจากการดื่มนมวัว ยังมีนมแพะที่เป็นแหล่งแคลเซียมสูงสำคัญ เพราะเมื่อลองเทียบกับกลุ่ม 15 อาหารแคลเซียมสูง การดื่มนมแพะที่สามารถให้ปริมาณแคลเซียมได้ใกล้เคียงกับนมวัว และยังมีวิตามินแร่ธาตุอื่น ๆ เข้ามาเสริม จึงนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
หมายเหตุ แต่นมวัวก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ หากพูดถึงเรื่องปริมาณของแคลเซียม และยังหาได้ง่ายที่สุดในท้องตลาด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ 15 อาหารแคลเซียมสูง
Q: ควรรับประทาน 15 อาหารแคลเซียมสูง อย่างไรให้ได้รับแคลเซียมเพียงพอต่อวัน
A: ควรกระจายมื้ออาหารที่มีแคลเซียมตลอดทั้งวัน และเสริมด้วยวิตามิน D เพื่อช่วยการดูดซึม
คำแนะนำเพิ่มเติม การกินแคลเซียมจำนวนมากในมื้อเดียวอาจทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่เต็มที่ หากมีการกระจายมื้อ เช่น มื้อเช้าทานซีเรียลเสริมแคลเซียม มื้อกลางวันทานผักใบเขียว หรือเต้าหู้ และมื้อเย็นทานปลาเล็กปลาน้อยหรือดื่มนมพืชเสริมแคลเซียม จะทำให้ได้รับแคลเซียมสม่ำเสมอมากขึ้น
Q: ทำอย่างไรให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้สูงสุด
A: ควรได้รับวิตามิน D อย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงสารที่ยับยั้งการดูดซึม เช่น กรดออกซาเลตปริมาณสูง และลดการดื่มชา-กาแฟหลังมื้ออาหารทันที
Q: มีความเสี่ยงหรือข้อควรระวังในการบริโภคแคลเซียมมากเกินไปหรือไม่
A: การได้รับแคลเซียมมากเกินไปอาจทำให้ท้องผูก เกิดนิ่วในไต หรือรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุอื่น ๆ จนถึงระดับที่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคบางตัวได้ด้วย
สรุป 15 อาหารแคลเซียมสูง นอกเหนือจากนมวัวมีอะไรบ้าง
“แคลเซียม” ไม่ได้มีอยู่เฉพาะในนมวัวเท่านั้น แต่ยังมีอยู่ใน 15 อาหารแคลเซียมสูง หลากชนิด ทั้งกลุ่มผักใบเขียว ถั่ว ธัญพืช ปลาเล็กปลาน้อย และผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมอื่น ๆ ซึ่งแต่ละอย่างมีจุดเด่นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมันดี วิตามิน หรือใยอาหาร การเลือกรับแคลเซียมหลายแหล่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลายยิ่งขึ้น อีกทั้งการใส่ใจเรื่องการดูดซึม เช่น การได้รับวิตามิน D อย่างเพียงพอ และการปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายใช้แคลเซียมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจขาดแคลเซียมหรือมีปัญหาสุขภาพกระดูก การตรวจวัดระดับแคลเซียมในเลือดหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและปลอดภัยยิ่งขึ้น อย่าลืมว่าการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมให้เพียงพอร่วมกับวิตามิน D และการออกกำลังกายเป็นประจำ คือหัวใจสำคัญในการดูแลสุขภาพกระดูกและร่างกายโดยรวมที่ห้ามลืมโดยเด็ดขาด
ที่มา
Top 15 Calcium-Rich Foods (Many Are Nondairy) จาก Healthline
15 Healthy Foods Rich in Calcium จาก CARE Hospitals
แคลเซียม กินอย่างไรให้ดีต่อร่างกาย ? จาก RAMA Channel
ความสำคัญของแคลเซียมต่อร่างกาย จาก สสส.
อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง