ร้อนใน เป็นอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพภายในช่องปาก ซึ่งอาการร้อนในสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง โดยจะมีแผลลักษณะเป็นหลุมขนาดเล็ก พบได้บ่อยบริเวณเหงือก ริมฝีปาก ลิ้น และกระพุ้งแก้ม สามารถเกิดขึ้นได้หลายจุดพร้อมกัน จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก และอาจใช้เวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ถึงจะทำให้แผลร้อนในฟื้นฟูได้ดี ยาแก้ร้อนในจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แผลร้อนในมีอาการที่ดีขึ้นและหายได้เร็วมากยิ่งขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนใน
หากมีความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนในก็อาจจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่ให้คุณสามารถเลือกใช้ประเภทของยาแก้ร้อนในได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนใน ได้แก่
- การแปรงฟันแรงเกินไปหรือการเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง อาจทำให้เกิดแผลในปากได้
- การดื่มน้ำร้อนจัด การกัดลิ้น กระพุ้งแก้มหรือริมฝีปาก โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้เกิดแผล
- การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา จนทำให้เกิดแผล
- ผลข้างเคียงจากการทำทันตกรรม
- การระคายเคืองและอักเสบ จากส่วนประกอบที่อยู่ในยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก
- การติดเชื้อแบคทีเรียภายในช่องปาก
- ภาวะการขาดสารอาหาร
- ปัญหาสุขภาพ
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงก่อนมีประจำเดือน เป็นต้น
รักษาแผลร้อนในด้วยยาแก้ร้อนในแบบไหนดี
ในปัจจุบันมียาแก้ร้อนในหลากหลายรูปแบบที่ถูกผลิตคิดค้นขึ้นมา เพื่อขจัดปัญหาแผลร้อนใน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วยาแก้ร้อนในที่ผู้คนนิยมเลือกใช้กันก็คือ ยาแก้ร้อนในแบบทา และยาแก้ร้อนในแบบกิน ซึ่งทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกัน ดังนี้
ยาแก้ร้อนในแบบทา
สำหรับยาแก้ร้อนในแบบทา เป็นยาแก้ร้อนในที่หลายคนมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยตัวยามักมาในรูปแบบของครีม เจล และขี้ผึ้ง สามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด ได้แก่
- ชนิดแก้ปวดและแก้อักเสบ ยาแก้ร้อนในแบบทาในกลุ่มนี้จะประกอบไปด้วย Lidocaine และ Benzocaine ที่ออกฤทธิ์ช่วยให้เจ็บปวดที่แผลน้อยลง พร้อมด้วย Triamcinolone และ Fluocinonide ช่วยบรรเทาอาการอักเสบภายในช่องปาก
- ชนิดฆ่าเชื้อ ยาแก้ร้อนในกลุ่มนี้จะผสมยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยรักษาแผลร้อนที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยยาในกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและสั่งจ่ายจากแพทย์เท่านั้น
โดยวิธีการใช้ยาแก้ร้อนในแบบทา เพียงแค่นำยามาป้ายลงบนแผลที่อยู่ภายในช่องปาก ด้วยเนื้อของยาแก้ร้อนในแบบทาจะช่วยปกปิดแผล จึงเป็นข้อดีที่จะช่วยทำให้แผลร้อนในได้รับการฟื้นฟูที่ดีขึ้น และที่สำคัญก่อนที่จะทายาควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคเพิ่มเติม
ยาแก้ร้อนในแบบกิน
ในส่วนยาแก้ร้อนในแบบกินที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไรนัก เพราะยาแก้ร้อนในแบบกินส่วนใหญ่เป็นยาแก้ปวดชนิดไม่มีสเตียรอยด์ เช่น Ibuprofen และ Naproxen หรือยาแก้ปวดลดไข้ อย่างพาราเซตามอล ก็เป็นอีกหนึ่งยาที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บแผลภายในช่องปากได้ แต่ยาแก้ร้อนในแบบกินอาจจะไม่มีฤทธิ์รักษาแผลร้อนในได้โดยตรงเท่ากับยาแก้ร้อนในแบบทา
รักษาร้อนในด้วยการปรับพฤติกรรม
โดยปกติแล้วแผลร้อนในที่เกิดขึ้นมักจะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ในการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติ นอกจากการเลือกใช้ยาแก้ร้อนในแบบทาและแบบกินแล้ว ยังสามารถรักษาแผลร้อนในได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง ดังนี้
- ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนิ่ม เพื่อลดการรบกวนแผล
- ทำความสะอาดแผลด้วยการบ้วนน้ำเกลือหลังมื้ออาหารทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ เช่น นอนดึก รับประทานอาหารแข็ง เพราะจะทำให้แผลเกิดขึ้นใหม่และทำให้แผลหายได้ช้ากว่าเดิม
เลือกซื้อยาแก้ร้อนในที่ร้านขายยา eXta Plus
สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาเป็นแผลร้อนในภายในช่องปากอยู่ สามารถเข้ามาเลือกซื้อยาแก้ร้อนในได้ที่ร้านขายยา eXta Plus ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสามารถสั่งซื้อยาสามัญประจำบ้านและสินค้าสุขภาพ ผ่าน ALL Online และปรึกษาเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาแก้ร้อนในได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอป ALL PharmaSee ปรึกศสเภสัชกรฟรี ตลอด 24 ชม.