ยาเม็ดคุมกำเนิดมีการนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นทางการแพทย์ที่นอกเหนือไปจากการคุมกำเนิด ได้แก่ รักษาสิว รักษาภาวะมีขนแบบผู้ชาย รักษาผมร่วง รักษาภาวะประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
ใช้บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนทั้งชนิดทั่วไปและชนิดรุนแรง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Minipill หรือ Progestogen-Only Pill) ซึ่งจะเป็นยาที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเท่านั้น และชนิดฮอร์โมนผสม (Combined Oral Contraceptive) ซึ่งจะประกอบด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนรวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน ยาคุมชนิดนี้เป็นที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ใน 1 แผงมียาจำนวน 21 หรือ 28 เม็ด
ข้อห้ามสำคัญในการพิจารณาก่อนใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม
- ตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์
- หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
- มีประวัติโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
- เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจ
- โรคไมเกรนชนิดรุนแรง
- มีภาวะของเนื้องอกในตับ
- เป็นโรคตับอักเสบ หรือโรคตับแข็งชนิดดีซ่าน
- เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งที่ฮฮร์โมนเพศจะส่งผลต่อเนื้องอก
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากมีข้อห้ามข้างต้นจะไม่สามารถใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสมได้ แต่อาจจะพิจารณาใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวแทน ซึ่งก่อนจะใช้ยาคุมกำเนินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ก็ต้องพิจารณาก่อนเช่นกันว่ามีภาวะเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็ห้ามใช้เช่นกัน
ข้อห้ามสำคัญในการพิจารณาก่อนใช้ยาคุมกำเนินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว
- 1. ตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าจะมีการตั้งครรภ์
- มีประวัติการท้องนอกมดลูก
- มีประวัติโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
- เป็นโรคตับอักเสบ โรคตับแข็ง หรือดีซ่าน
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากใครมีข้อสงสัยว่าตนเองสามารถกินยาเม็ดคุมกำเนิดทั้ง 2 ชนิดได้หรือเปล่า แนะนำให้มาปรึกษากับเภสัชกรนะคะ จะได้ใช้ยาอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพค่ะ
ที่มา Fda Thai