5 วิธีคุมกำเนิดสำหรับหญิงสาว
ในเดือนแห่งความรักนี้ สาวๆ ที่ยังไม่พร้อมมีลูก อย่าลืมให้ความสำคัญกับการคุมกำเนิดกันนะคะ วันนี้เอ็กซ์ต้าได้รวบรวมวิธีคุมกำเนิดที่หลากหลายมาฝากกันค่ะ
1. คุมกำเนิดโดยการนับวันที่ที่ปลอดภัย
ทำความเข้าใจวิธีนี้ได้ที่ >> คลิก
2. ยาเม็ดคุมกำเนิด
ทำความรู้จักยาคุมชนิดเม็ด ตั้งแต่การทำงานของยาคุม ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุม รวมถึงหากลืมกินยาคุมต้องทำอย่างไร ได้ที่ >> คลิก
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด หาคำตอบได้ที่นี่ >> คลิก
3. ยาฉีดคุมกำเนิด (DMPA)
การทำงานของยาฉีดคุมกำเนิด
มีฤทธิ์ระงับการตกไข่ ทำให้เมือกที่ปากมดลูกเหนียวข้น เชื้ออสุจิจึงผ่านเข้าไปได้ยาก และยังทำให้สภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อน โดยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีลักษณะบางหรือฝ่อ นอกจากนี้ยังทำให้หลอดมดลูกบีบตัวน้อยลงทำให้ไข่เดินทางไม่เป็นไปตามปกติ และลดความสามารถของอสุจิที่ผสมกับไข่ด้วย
ควรฉีดตอนไหน
เริ่มฉีดภายในวันที่ 1-5 ของรอบเดือน ถ้าเป็นการฉีดหลังคลอดบุตร ให้ฉีดยาฉีดคุมกำเนิดภายหลังคลอดบุตรเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์
จุดเด่นของยาฉีดคุมกำเนิด
ฉีดครั้งเดียว สามารถคุมกำเนิดได้ 3 เดือน และมีประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูงกว่าร้อยละ 98 และสูงกว่าวิธีการคุมกำเนิดบางวิธี เช่น การทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่อาจจะหลงลืมการกินยาได้
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เลือดออกกะปริบกะปรอย ซึ่งมักพบใน 3 เดือนแรกหลังฉีดยา หลังจากนั้นเลือดที่ออกจะน้อยลงเมื่อฉีดเข็มต่อๆ ไป และมักทำให้มีน้ำหนักเพิ่ม 1-5 กิโลกรัมใน 1 ปี จึงต้องดูแลเรื่องอาหารกันมากเป็นพิเศษ
4. การสวมถุงยางอนามัยสตรี (Diaphragm)
ในกรณีที่ฝ่ายชายปฏิเสธถุงยางอนามัย การสวมถุงยางอนามัยสตรีนั้นตอบโจทย์ในการช่วยคุมกำเนิด และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เมื่อก่อนถุงยางชนิดนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ในปัจจุบันออกแบบมาให้ใช้สะดวกขึ้น ไม่รำคาญ ใช้ง่าย ใช้ครั้งเดียวทิ้ง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาขนาดใหญ่ คลินิกสุขภาพสตรี คลินิกวางแผนครอบครัว คลินิกสุขภาพทางเพศทั่วไป ตามโรงพยาบาลขนาดใหญ่
5. คุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธุ์
การ คุมกำเนิด ประเภทนี้พบได้มากที่สุดในปัจจุบันแต่เป็นวิธีที่ไม่แนะนำเนื่องจากมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยน้อยกว่าการ คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น
วิธีการ คุมกำเนิด ชนิดนี้ควรใช้ในกรณีจำเป็นหรือฉุกเฉินเท่านั้น โดยการรับประทานยาหลังมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มยาจะแบ่งเป็น 2 ชนิดด้วยกันได้แก่
ยาออพรอล (Ovral) เป็นยาที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เพื่อป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้การผสมกันระหว่างไข่ และเชื้ออสุจิเป็นไปได้ยาก โดยให้รับประทานครั้งเดียว 4 เม็ด หลังร่วมเพศ แต่ในปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมเพราะก่อให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
โพสตินอร์ (Postinor) หรือที่เรียกกันว่า ‘ยาคุมฉุกเฉิน’ เป็นยาที่นิยมใช้เพื่อ คุมกำเนิด ฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ควรรับประทานมากกว่า 4 เม็ดต่อเดือน และควรใช้หลังร่วมเพศภายใน 3 ชั่วโมง ไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมง แต่อาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้